อย่างที่ทราบกันดีว่า “กระเป๋ารุ่นคลาสสิก” กลายเป็นไอเท็มสำคัญที่สาวๆ ส่วนใหญ่ถวิลหา นอกจากจะเป็นกระเป๋าที่ไม่มีวันล้าสมัยแล้ว การนำไปขายต่อก็ยังมีความคุ้มค่า โดยกระเป๋า Louis Vuitton Neverfull สามารถขายเป็นสินค้ามือ 2 ได้ราคาสูงถึง 84% ส่วน Chanel Boy ขายได้สูงถึง 82% เพราะสินค้าคลาสสิกเหล่านี้มีราคาสูงขึ้นทุกปี ทำให้หลายๆ คนเลือกที่จะแสวงหาสินค้ามือ 2 แทน และนี่คือ Top 5 กระเป๋ารุ่นคลาสสิกที่คุ้มค่าแก่การลงทุนและการขายต่อมากที่สุด
1. Hermes Birkin Bag
Image Source
สุดยอดแห่งกระเป๋าที่ทุกคนใฝ่ฝันจะได้ครอบครอง โดยราคาหน้าร้านอยู่ที่ $12,000 – $200,000 (ประมาณ 429,000 – 7,151,660 บาท) ขึ้นอยู่กับวัสดุ สี และขนาด โดยบางใบที่ใช้วัสดุและสีที่หายาก สามารถนำไปประมูลได้ราคาสูงถึง $233,000 (ประมาณ 8,334,176 บาท) เลยทีเดียว
2. Boy Chanel Bag
Image Source
กระเป๋าคลาสสิกรุ่นใหม่ที่เปิดตัวไปไม่นานมานี้ แต่กลายเป็นที่รุ่นท็อปฮิตอันดับต้นๆ ของโลก ราคาหน้าร้านอยู่ที่ประมาณ $4,300 – $4,700 (ประมาณ 153,803 – 171,687 บาท) แต่สามารถขายต่อได้ในราคา $3,000 – $5,000 (107,304 บาท – 178,829 บาท)
3. Louis Vuitton Neverfull
Image Source
กระเป๋ายอดนิยมจาก Louis Vuitton หน้าร้านขายอยู่ที่ประมาณ $1,200 – $2,100 (ประมาณ 42,921 – 75,112 บาท) สามารถขายต่อได้ตั้ง $1,000 – $3,000 (ประมาณ 35,766 – 107,300 บาท)
สามารถอ่านรายละเอียดของ Louis Vuitton Neverfull Tote Bag ได้ที่นี่
4. Goyard St. Louis Tote
Image Source
กระเป๋าสุดคลาสสิกจากแบรนด์เก่าแก่ของฝรั่งเศส ความพิเศษคือแต่ละใบต้องเพนท์ลายโมโนแกรม Chevron ด้วยมือเท่านั้น จึงเป็นเหตุผลที่กระเป๋า Goyard กลายเป็นหนึ่งในกระเป๋าที่คนต้องการ โดยเฉพาะรุ่น St. Louis Tote ที่ว่ากันว่าเป็นต้นแบบของกระเป๋า Louis Vuitton รุ่น Neverfull โดยราคาที่ขายหน้าร้านประมาณ $1,300 – $1,600 (ประมาณ 46,494 – 57,224 บาท) และสามารถขายต่อได้ในราคา $600 – $1,600 (ประมาณ 23,878 – 57,224 บาท)
5. Chanel 2.55
Image Source
กระเป๋ารุ่นคลาสสิกจาก Chanel ที่ปัจจุบันมาราคาเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าตัว โดยหน้าร้านราคาอยู่ที่ประมาณ $4,900 – $6,000 (ประมาณ 194,944 – 238,708 บาท) และสามารถขายต่อได้ในราคา $1,400 – $6,000 (ประมาณ 55,695 – 238,708 บาท)
สามารถอ่านรายละเอียดของ Chanel 2.55 Classic Flap Bag และ Chanel 2.55 Reissue ได้ที่นี่
ทริคดีๆ ที่จะเปลี่ยนการช็อปปิ้งให้กลายเป็น “การลงทุน”