เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ทุกวงการให้ความสนใจ เอาใจใส่สิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับวงการสนีกเกอร์ที่หันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ล่าสุด Nike ได้ปล่อยคอลเล็คชั่นรับหน้าร้อนออกมา งานนี้ไม่ใช่แค่สวยเก๋ แต่ยังมาพร้อมกับแนวคิด “Move to Zero” จะเป็นยังไงนั้น ตามมาดูกัน
ไนกี้ยกระดับทั้งงานออกแบบและสานต่อตำนานด้วยรองเท้าที่พัฒนาตามแนวคิด Move to Zero เพื่อต้อนรับฤดูร้อนปี 2021 ซึ่งประกอบไปด้วยรองเท้าไลฟ์สไตล์ที่ได้รับการออกแบบขึ้นใหม่ รวมไปถึงรองเท้ากีฬาอีกหลายรุ่น
รองเท้าไนกี้ แอร์ เวเปอร์แมกซ์ 2021 (บน) และรองเท้าไนกี้ แอร์แมกซ์ จีโนม (ล่าง)
ไนกี้ใช้แนวคิดการออกแบบแบบหมุนเวียนในหลากหลายองค์ประกอบของผลิตภัณฑ์ เช่น ไนกี้ แอร์ เวเปอร์แมกซ์ 2021 (Nike Air VaporMax 2021) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรองเท้าที่มีความยั่งยืนที่สุดรุ่นหนึ่งของไนกี้ เนื่องจากใช้วัสดุรีไซเคิลเป็นส่วนประกอบถึงร้อยละ 55 ของน้ำหนัก ไนกี้ออกแบบรองเท้ารุ่นดังกล่าวโดยคำนึงถึงการใช้วัสดุเพื่อความยั่งยืนเป็นอย่างแรก โดยนวัตกรรมเวเปอร์แมกซ์ ไนกี้ แอร์ (VaporMax Nike Air) แบบยาวตลอดพื้นรองเท้านั้นใช้วัสดุรีไซเคิลประมาณร้อยละ 75 เป็นส่วนประกอบ ส่วนวัสดุทีพียูที่ส้นเท้าและส่วนปลายสุดเท้านั้นใช้วัสดุรีไซเคิลเป็นส่วนประกอบถึงร้อยละ 60
และพื้นรองเท้ายังผลิตโดยผสมผสานวัสดุไนกี้ ไกรน์ (Nike Grind) แฟนๆ ยังอาจสังเกตได้ว่าหน้ารองเท้าของรุ่นแอร์ แมกซ์ พรี-เดย์ (Air Max Pre-Day) นั้นดูเรียบง่ายขึ้นเพื่อลดจำนวนเศษวัสดุจากกระบวนการผลิตลงอย่างน้อยร้อยละ 20 ต่อน้ำหนัก นอกจากนี้ ไนกี้ยังนำเสนอรองเท้าไนกี้ แอร์แมกซ์ จีโนม (Nike Air Max Genome) ที่มีหน้ารองเท้าแบบเรียบหรูและได้แรงบันดาลใจจากยุคทศวรรษ 2000 โดยถุงลมไนกี้ แอร์ ของรองเท้ารุ่นนี้ผลิตจากวัสดุทีพียูรีไซเคิลกว่าร้อยละ 75
รองเท้าไนกี้ แอร์ฟอร์ซ 1 (บน) และรองเท้าไนกี้ เบลเซอร์ (ล่าง)
ไนกี้นำเสนอรองเท้ากลุ่มแพลนท์ คอร์ค แพ็ก (Plant Cork Pack) ที่ประกอบไปด้วยรองเท้าทั้งสไตล์คลาสสิกและสไตล์ใหม่ๆ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากโลกธรรรมชาติ โดยรองเท้าแต่ละรุ่นในกลุ่มแพลนท์ คอร์ค แพ็กถูกผลิตขึ้นจากวัสดุรีไซเคิล เช่น แผ่นโพลีเอสเตอร์และผ้าชนิดอื่นๆ ซึ่งเป็นส่วนประกอบของหน้ารองเท้าไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 พื้นของรองเท้ารุ่น ไนกี้ แอร์ฟอร์ซ 1 (Nike Air Force 1), เบลเซอร์ (Blazer) และเดย์เบรก (Daybreak) นั้นใช้จุกไม้ก๊อกที่บางส่วนรีไซเคิลมาจากอุตสาหกรรมการผลิตไวน์มาผสานลงไปกับเนื้อยางที่อัตราส่วนร้อยละ 9 เพื่อสร้างสไตล์การออกแบบแบบธรรมชาติ และเป็นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้วัสดุต่างๆ ที่ลดน้อยลง
รองเท้าไนกี้ เครเตอร์ อิมแพ็ก
รองเท้าไนกี้ เครเตอร์ อิมแพ็กมีรากฐานจากรุ่นไนกี้ สเปซ ฮิปปี้ (Nike Space Hippie) โดยรองเท้ารุ่นนี้ใช้วัสดุ
รีไซเคิลเป็นส่วนประกอบกว่าร้อยละ 25 ต่อน้ำหนัก โดยไนกี้ใช้การผสานชั้นวัสดุอย่างชาญฉลาด โดยใช้การเย็บบริเวณมุมรองเท้า และใช้ตราสัญลักษณ์สวูชของไนกี้แบบปักเพื่อช่วยลดเศษวัสดุ ส่วนกลางพื้นรองเท้าใช้ซอฟต์ เครเตอร์ โฟม (Soft Crater Foam) ที่มีนวัตกรรมไนกี้ ไกรน์เป็นส่วนประกอบที่ร้อยละ 10 ควบคู่กับวัสดุโฟมเพื่อความสวยงามและความมั่นคงขณะสวมใส่ การลดปริมาณวัสดุใหม่ที่ใช้ผลิตรองเท้ายังส่งผลให้คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon footprint) ของการผลิตรองเท้าลดลง นอกจากนี้ นวัตกรรมไนกี้ ไกรน์ยังส่งผลให้พื้นผิวของรองเท้ารุ่นนี้เป็นแบบเฉพาะตัว มีสีสันของส่วนกลางพื้นรองเท้าที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละคู่อีกด้วย
ในโอกาสนี้ ไนกี้ได้นำเสนอสีของรองเท้ากีฬาคอสมิก ยูนิตี้ (Cosmic Unity) ที่ผลิตโดยใช้วัสดุรีไซเคิลกว่าร้อยละ 25 ของน้ำหนักโดยรวม และใช้ส่วนกลางของพื้นรองเท้าแบบไนกี้ ไกรน์ เครเตอร์ โฟม (Nike Grind Crater Foam) ถึงร้อยละ 10 ช่วยเสริมความทนทานและการตอบสนองขณะแข่งขัน นอกเหนือไปจากรองเท้าคอสมิก ยูนิตี้แล้ว ไนกี้ยังนำเสนอรองเท้ากีฬาอีก 2 รุ่น คือรองเท้าไนกี้ แอร์ ซูม ซุเปอร์เรป 2 เน็กซ์ เนเจอร์ (Nike Air Zoom SuperRep 2 Next Nature) และรองเท้าไนกี้ วิกตอรี่ จี ไลท์ (Nike Victory G Lite) ซึ่งเป็นรองเท้าที่ใช้วัสดุรีไซเคิลเป็นองค์ประกอบกว่าร้อยละ 20 ต่อน้ำหนักของรองเท้า เพื่อการระบายอากาศที่ดี
รองเท้ากีฬาคอสมิก ยูนิตี้ (บน) รองเท้าไนกี้ วิกตอรี่ จี ไลท์ (กลาง)
และรองเท้าไนกี้ แอร์ ซูม ซุเปอร์เรป 2 เน็กซ์ เนเจอร์ (ล่าง)
รองเท้าไนกี้ เครเตอร์ อิมแพ็ก วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ในราคา 3,600 บาทที่ร้านไนกี้บางสาขา และบนเว็บไซต์ Nike.com