แม้ดีไซเนอร์จอมดราม่าอย่าง Stefano Gabbana จะประกาศ Social Detox ปิดอินสตาแกรมชั่วคราวไปเมื่อเดือนกันยายน หลังจากมีดราม่าหลายสิ่งเกิดขึ้นตั้งแต่เข้าสู่โลกโซเชียล แต่การกลับมาครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นดราม่าต้อนรับการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ และหนักหนาสาหัสกว่าเดิม
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อแบรนด์ Dolce & Gabbana ตั้งใจเลือกเซี่ยงไฮ้เป็นจุดหมายในการโชว์คอลเล็กชั่นล่าสุด โดยใช้ชื่อโชว์ว่า DG The Great Show ซึ่งเตรียมการที่จะจัดขึ้นในวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมาแต่มีเหตุต้องยกเลิก
ดราม่าครั้งใหญ่ที่มีจุดเริ่มต้นจากวิดีโอโปรโมตที่สอนวิธีการใช้ตะเกียบ โดยให้นางแบบจีนโชว์การใช้ตะเกียบกินอาหารอิตาเลียนอย่างพิซซ่าและแคนโนลี่ โดยเป็นท่าที่งกๆ เงินๆ ชวนขำ
วิดีโอต้นเหตุซึ่งทาง D&G ได้ทำการลบไปแล้ว
แม้จะเป็นวิดีโอที่ตั้งใจให้ตลก แต่ชาวจีนกลับไม่ขำ เพราะดูเป็นการเหยียดมากกว่า ทำให้มีส่วนหนึ่ง DM ไปหาทาง Stefano Gabbana เพื่อติเตียนการโปรโมตในครั้งนี้ ตัวดีไซน์เนอร์ก็ไม่รอช้า ตอบกลับด้วยถ้อยคำเจ็บแสบแถมเหมารวมประเทศจีนว่าเป็นประเทศที่สกปรก ไร้การศึกษา เต็มไปด้วยมาเฟีย และกินสุนัขเป็นอาหาร แถมยังท้าทายอีกด้วยว่าถ้าต่อไปให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประเทศจีนก็จะไม่แยแสและโนสนโนแคร์ นอกจากนี้ทางแอคเค้าท์หลัก D&G ก็ยังตอบกลับชาวเน็ตที่เข้าไปต่อว่าอย่างรุนแรงเช่นกัน
เรื่องราวดราม่าจึงปะทุกลายเป็นระเบิดครั้งใหญ่ เพราะชาวเน็ตจีนนำข้อความเหล่านี้ไปแปลใน Weibo จนสร้างความไม่พอใจให้กับชาวจีนที่ไม่ใช่แค่ชาวเน็ตเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเหล่าแฟชั่นนิสต้า ดารานักแสดง และเหล่าคนในวงการแฟชั่นจีนปฏิเสธการเข้าร่วมโชว์ในครั้งนี้ รวมถึงเหล่าโมเดลลิ่งที่ยกเลิกสัญญาไม่ให้นางแบบเข้าร่วมแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้ ผลที่ได้ก็คือโชว์ล่มจนต้องยกเลิกไปในที่สุด กลายเป็นความอื้อฉาวที่สุดในวงการแฟชั่นส่งท้ายปี 2018
ผลกระทบครั้งนี้ทำให้ทางแบรนด์ Dolce & Gabbana ต้องออกมาหงายการ์ดไอจีโดนแฮ็ก
แต่เหมือนว่าชาวเน็ตจะไม่เชื่อ พร้อมสร้างแคมเปญ #NOTME ต่อต้านแบรนด์ ทั้งการเผาและทำลายสินค้าของ D&G โดยไม่เสียดายเงิน การเปลี่ยนชื่อให้กลายเป็น Dead & Gone รวมถึงรณรงค์ไม่ให้อุดหนุนสินค้าจนกลายเป็นเทรนด์ฮิตติดอันดับต้นๆ ของโมเม้นท์นี้เลยทีเดียว
ดราม่าครั้งนี้คงเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ให้กับทั้งแบรนด์และตัวดีไซเนอร์ ซึ่งต้องรอดูกันยาวๆ ว่ายอดขายสินค้าในจีนจะเป็นอย่างไร เพราะลูกค้าชาวจีนถือเป็นตลาดกลุ่มใหญ่ที่แบรนด์ระดับท็อปต่างให้ความสำคัญ ซึ่งการแบน D&G ในครั้งนี้อาจจะทำให้กลายเป็น Dead & Gone ไปเลยจริงๆ ก็ได้
ตามไปอัพเดทได้ที่แท็ก #dgthegreatshow #notme