9 เรื่องของ Louis Vuitton ที่คุณอาจไม่เคยรู้

ใครๆ ก็รู้จัก Louis Vuitton กันหมด แม้จะไม่เคยใช้สินค้าจากแบรนด์นี้เลยก็ตาม ซึ่ง Louis Vuitton ถือเป็นหนึ่งในแฟชั่นเฮาส์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ก่อตั้งเมื่อปี 1854 เรื่องราวตลอด 165 ปีที่ผ่านมาย่อมมีอะไรที่น่าสนใจ และนี่คือ 10 เรื่องราวของ Louis Vuitton ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

1. Mr. Louis Vuitton เดินทางด้วยเท้ากว่า 300 ไมล์เพื่อเริ่มต้นธุรกิจ

สมัยนี้หากใครอยากเปิดแบรนด์แฟชั่นของตัวเองก็คงไม่ยากสักเท่าไหร่ แต่สำหรับมิสเตอร์หลุย วิตตองเมื่อร้อยกว่าปีก่อนนั้น เขาต้องเดินทางด้วยเท้าจากเมืองออเช เมืองเล็กๆ ในประเทศฝรั่งเศสเพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ปารีสในวัยเพียง 13 ปี โดยระยะทางจากออเชถึงปารีสนั้น ประมาณ 292 ไมล์ แต่เขาใช้เวลาเดินทางถึง 2 ปี เพราะต้องทำงานพิเศษระหว่างทางแลกกับค่าใช้จ่ายต่างๆ

2. จุดเปลี่ยนของ Louis Vuitton คือการได้ทำกระเป๋าถวายพระราชินีของฝรั่งเศส

ครั้งหนึ่ง Louis Vuitton มีโอกาสเข้าไปถวายงานให้กับราชินี Eugenia de Montijo ของกษัตริย์ Napoleon Bonaparte นั่นทำให้กลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ของชีวิต ชื่อ “Louis Vuitton” กลายเป็นที่รู้จักของเหล่าชนชั้นสูงในฝรั่งเศสในฐานะคนทำกระเป๋าเดินทางแสนหรู

3. กระเป๋ารุ่น Alma มาจาก Coco Chanel

ลูกค้าคนพิเศษของ Louis Vuitton คือดีไซเนอร์ชื่อก้องโลกอย่าง Coco Chanel ในปี 1925 เธอสั่งทำกระเป๋าถือรุ่นพิเศษใช้ส่วนตัว และในปี 1930 กระเป๋าใบนั้นก็ถูกผลิตวางจำหน่ายในร้าน โดยใช้ชื่อว่า “Alma”

4. ผู้อยู่เบื้องหลังกระเป๋ารุ่น Speedy 25 คือ Audrey Hepburn  

ครั้งหนึ่ง ดาราสาวชื่อดังอย่าง Audrey Hepburn เคยรีเควสให้ Louis Vuitton ทำกระเป๋าเดินทางรุ่น Keepall ในไซส์เล็ก ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือกระเป๋าขนาดไซส์ 25 และกลายเป็นต้นแบบของกระเป๋า Speedy 25 ในเวลาต่อมา

5. แต่เดิมกระเป๋ารุ่น Noé ผลิตมาเพื่อใส่ขวดแชมเปญ

กระเป๋าทรงถัง หรือทรงขนมจีบที่ทุกคนคุ้นเคยอย่างรุ่น Noé (โนเอ้) แต่เดิมเคยเป็นกระเป๋าที่ผลิตมาเพื่อใส่ขวดแชมเปญ ก่อนที่จะกลายเป็นหนึ่งในรุ่นคลาสสิกที่ถือเป็นกระเป๋าทรง Bucket  ใบแรกของโลก ซึ่งกระเป๋า Noé ไซส์ใหญ่สุดสามารถใส่แชมเปญได้ 5 ขวด (4 ขวดตั้ง และอีก 1 ขวดใส่แบบกลับหัวตรงกลาง)

6. ลายโมโนแกรมอันโด่งดังถูกผลิตขึ้นเพื่อป้องกันการก็อปปี้

กระเป๋าเดินทางรุ่นแรกๆ ของ Louis Vuitton เป็นลายทางธรรมดา แต่เมื่อมีชื่อเสียงมากขึ้น กระเป๋าเดินทางของเขาถูกช่างคนอื่นๆ ทั่วปารีสก็อปปี้ ทำให้เขาออกแบบลายตารางที่เรียกว่า Damier ออกมาในปี 1888 เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว แต่ถึงอย่างนั้นลวดลายดังกล่าวก็ยังง่ายต่อการลอกเลียนแบบอยู่ดี ลาย Monogram อันเลื่องชื่อจึงถูกออกแบบมาอีกครั้งในปี 1896 ซึ่งมีรายละเอียดมากและยากต่อเลียนแบบได้ในยุคนั้น (แต่สำหรับยุคนี้กลับกลายเป็นของง่ายที่เห็นได้เกลื่อน)

7. ช่วงเริ่มต้นกระเป๋าของ Louis Vuitton ไม่ได้ทำจากหนัง 

หากคุณคิดว่าสินค้าเด่นของ Louis Vuitton คือกระเป๋าหนัง คุณคิดผิด! เพราะวัสดุที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของ Louis Vuitton คือผ้าใบแบบพิเศษที่ถูกผลิตขึ้นในปี 1959 ซึ่งมีคุณสมบัติเบาและทนทาน เหมาะแก่การทำกระเป๋าเดินทางเป็นอย่างมาก ส่วนวัสดุจากหนังนั้น ถูกนำมาใช้ในปี 1985 เรียกว่า Epi Leather

8. Louis Vuitton เพิ่งทำเสื้อผ้าขายหลังจากเปิดมาแล้วร้อยกว่าปี

ทุกวันนี้ Louis Vuitton กลายเป็นแบรนด์ที่มีไอเท็มแบบครบวงจร ตั้งแต่เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ ฯลฯ แต่แท้ที่จริงแล้ว ไลน์เสื้อผ้าถูกเริ่มมาในช่วงปี 1997 นี้เอง หลังจากแบรนด์ถูกซื้อโดย LVMH  ก็ได้จ้าง Marc Jacobs มารับตำแหน่ง Creative Director ที่ดูแลในส่วนของเสื้อผ้าและเครื่องประดับ ทำให้ Marc Jacobs กลายเป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์คนแรกของ Louis Vuitton ก่อนจะส่งไม้ต่อให้กับคนปัจจุบันอย่าง Nicolas Ghesquiere

9. Louis Vuitton คือผู้ริเริ่มการทำ Collaboration

สมัยก่อนธุรกิจแฟชั่นเป็นการแข่งขันแบบตัวใครตัวมัน แต่ Marc Jacobs เห็นช่องทางของการทำสิ่งใหม่ ในปี 2001 ได้เชิญ Stephen Sprouse ศิลปินชาวอเมริกันมาออกแบบลวดลายบนกระเป๋า และได้ผลตอบรับที่ดีอย่างท่วมท้น จนทำให้เกิดโปรเจกต์ต่อไปที่เชิญศิลปินหลายๆ คนมาร่วมออกแบบ อย่างเช่น Takashi Murakami และ Yayoi Kusuma

Source

ติดตาม Jeab.com
Jeab.com มี LINE แล้วนะ
ติดตามเรื่องราวไลฟ์สไตล์ทันสมัยสำหรับผู้หญิงยุคดิจิตอล ได้ทุกวันผ่าน LINE ID @jeabdotcom

UPSTERRR!

FASHION IMITATES LIFE, LIFE IMITATES ART.

No Comments Yet

Comments are closed