หากใครเป็นแฟนคลับเครื่องสำอางสัญชาติอังกฤษอย่าง “Illamasqua” คงต้องเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามอันโด่งดังของไพรเมอร์ “The Veil” เป็นที่แน่นอน เพราะเจ้าไพรเมอร์ตัวนี้เป็นตัว The best seller ของทางแบรนด์เลยก็ว่าได้ ด้วยไพรเมอร์ที่ไม่อุดตัน ไม่มีส่วนผสมของซิลิโคน แถมยังสามารถฟรีชเมคอัพให้สดใหม่ดูไม่หมองได้ถึง 8 ชม. เพราะฉะนั้นสาวๆ แพ้ง่าย แพ้ซิลิโคน ไม่ต้องเป็นกังวลเลย ล่าสุดไพรเมอร์ตัวนี้ได้ออกสูตรใหม่เอาใจวัยรุ่น ด้วยสูตรที่ช่วยให้ผิวหน้าดูดิวอี้ กระจายแสงปังๆ แต่ไม่ทำให้มันเยิ้ม ให้เทคเจอร์ที่เป็นเจลใสซึมเข้าผิว แค่ได้ยินก็อยากลองแล้วใช่ไหม ทีนี้เราไปดูกันดีกว่าว่า 3 สูตรของไพรเมอร์มีสูตรไหนโดนใจ เข้ากับผิวเราบ้าง
เรามาพูดถึงการใช้ไพรเมอร์กันก่อนดีกว่า ว่าทำไมเพื่อนๆ ถึงต้องใช้ไพรเมอร์
เพื่อนๆ เคยทารองพื้นแล้วไม่ติดผิวไหม? สาเหตุของการทารองพื้นแล้วไม่ติดผิวเกิดจาก หน้ามันเกินไป หรือหน้าแห้งลอกเป็นขุยนี้เอง ซึ่งปัญหานี้แหละที่ทำให้ยิ่งทารองพื้นกลับยิ่งทำให้ผิวไม่เรียบเนียน ไพรเมอร์นั้นช่วยให้การลงรองพื้นง่ายขึ้นและติดทนขึ้น ซึ่งไพร์เมอร์จะช่วยเบลอรูรุมขน และการลงรองพื้นก็จะเกาะผิวมากขึ้นนี้เอง ไพรเมอร์ส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของซิลิโคน ที่ทำให้ผิวอุดตันเพราะค่อนข้างจะล้างออกยากนี้เอง แต่ไพรเมอร์ของ illamasqua นั้น ที่ทำให้ได้เป็น best seller ก็เพราะว่าไพรเมอร์ของเค้า ทั้งสามตัวไม่มีส่วนผสมของซิลิโคนเลย ทำให้ผิวไม่อุดตัน แล้วยังช่วยฟรีชเครื่องสำอางให้ตินทน สีรองพื้นไม่ดรอประหว่างวันอีกด้วย
the veil collection มาด้วยกัน 3 สูตร ที่ตอบสนองลุคของผิวที่แตกต่าง
1.Hydra Veil Rehydrating Gel – ไพรเมอร์ยอดนิยมตัวแรกสุดเลย เน้นเติมน้ำให้กับผิว
2.Matte Veil – ไพรเมอร์ยอดฮิตตัวที่สองที่สร้างลุคแมตต์ให้กับผิว
3.New Beyond Veil – ไพรเมอร์ตัวใหม่ล่าสุด ขายที่แรกที่ไทย ช่วยกระจายแสงให้ผิว พร้อมสร้างลุคดิวอี้แบบไม่มัน
ทั้งสามรุ่นมาในขวดกระปุกหน้าตาเหมือนกันเลย มีช้อนตักด้านใน มีฝาปิดป้องกันฝุ่นผงต่างๆ มารบกวน จะแยกกันได้ดัวยตัวแพคเกจที่ต่างกันเล็กน้อย
1.Hydra Veil Rehydrating Gel – กระปุกสีดำวาว พิมพ์โลโก้ขาว
2.Matte Veil -กระปุกสีดำด้าน พิมพ์โลโก้ขาว
3.New Beyond Veil – กระปุกสีดำวาว พิมพ์โลโก้สีเมทัลลิค
เมื่อเปิดเข้ามาด้านใน จะเห็นสีสันและ texture ที่ดูแตกต่างกัน
ทีนี้เราจะมาลองเปรียบเทียบเนื้อ texture ให้เห็นกันแบบชัดๆ เลย
1.Hydra Veil Rehydrating Gel – เนื้อสัมผัสจะเป็นเจลใสๆ เหมือนเยลลี่ ไม่มีสีอะไรเลย
2.Matte Veil – เนื้อสัมผัสจะเป็นกึ่งครีมกึ่งเจล
3.New Beyond Veil – เนื้อสัมผัสจะเป็นเจลเหมือนตัวแรก แต่มีชิมเมอร์อณูเล็กมากๆ สีทอง
เมื่อปาดลงที่ผิว จะเห็นได้ชัดเลยว่าเนื้อต่างกัน
1.Hydra Veil Rehydrating Gel – เนื้อเจลจะแตกตัวเป็นน้ำใสๆ เกาะที่ผิว
2.Matte Veil – เนื้อสัมผัสจะเป็นกึ่งครีมกึ่งเจล เบาบาง
3.New Beyond Veil – เนื้อสัมผัสจะแตกตัวเหมือนตัวแรก แต่ละมีประกายเกาะที่ผิว
ทั้งสามตัวเมื่อซึมเข้าผิวแล้วจะไม่มีความมันใดๆ ที่ผิวเหมือนกัน แต่ได้ซึมออกมาได้ลุคที่ต่างกัน
1.Hydra Veil Rehydrating Gel – ได้ลุคที่ดูอิ่มน้ำ
2.Matte Veil – ได้ลุคแมตต์
3.New Beyond Veil – เปล่งประกายดิวอี้ แบบไม่มัน
ทีนี้เรามาดูกันว่าแต่ละสูตรจะเหมาะกับผิวแบบไหน!
1.Hydra Veil Rehydrating Gel
ไพรเมอร์ตัวนี้ เนื้อเหมือนเยลลี่มากๆ มีความใสใสไม่มีสีอะไรเจือปน มีส่วนผสมหลักคือน้ำนี้เอง เน้นช่วยเติมน้ำให้กับผิว เนื้อสัมผัสก็เบาบาง ช่วยให่ผิวสวยฉ่ำ เหมือนเพิ่งแต่งเสร็จใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา ช่วยให้ผิวดูสดชื่น แบบรีเฟรชผิวก่อนแต่งหน้า ล็อคความชุ่มชื่นให้กับผิว เวลาทาที่ผิวหน้าจะรู้สึกเย็นสบาย คล้ายๆ ทา Aloe gel แต่ช่วยอำพรางรูขุมขน
เหมาะสำหรับ : ผิวแห้ง-ธรรมดา ผิวแห้งขาดน้ำ ผิวมีริ้วรอย และคนที่ชอบหน้าหมองระหว่างวัน
2.Matte Veil
เนื้อสัมผัสจะเป็นกึ่งครีมกึ่งเจล ทาแล้วซึมลงผิว แต่จะเคลือบความเป็นแมตต์ไว้ ตัวนี้จะช่วยให้แต่งหน้าตินหน้ามากขึ้น ช่วยให้ลงรองพื้นได้ง่ายขึ้น และความคุมความมันแบบสุดๆ โดยที่ไม่มีส่วนผสมของซิลิโคนใดๆ งานผิวเป๊ะทั้งวันต้องตัวนี้เลย
เหมาะสำหรับ : คนผิวมัน คนแต่งหน้าไม่ติดผิว คนที่ต้องการลุคแมตต์
3.New Beyond Veil
ตัวใหม่ล่าสุด ที่เปิดขายที่ไทยที่แรก ที่มี texture เป็นเจลลี่แบบตัวแรกเลย แต่ช่วยกระจายแสงให้เปล่งปลั่ง เพิ่มออร่าให้ผิว โดยไม่ทำให้หน้ามันเพิ่มขึ้น เพราะเป็นชิมเมอร์เล็กๆ อณูละเอียดซึมแนบไปกับผิว
เหมาะสำหรับ : ทุกสภาพผิว คนที่ต้องการเพิ่มความไบร์ทให้กับใบหน้าโดยที่ไม่เพิ่มความมัน
ทีนี้เพื่อนๆ ก็สามารถเลือกซื้อไพรเมอร์ที่ตรงเหมาะกับความต้องการของผิวได้แล้ว หวังว่ารีวินี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆที่กำลังตามหาไพรเมอร์คู่ใจกันอยู่นะ
The veil Collection ราคาอยู่ที่กระปุกละ 1,650 บาท
Copyright © Jeab.com