ซัมซุงเตรียมรุกหนักระบบปรับอากาศในอาคาร เปิดตัว “ซัมซุง ซูเปอร์ ดีวีเอ็มเอส (Samsung Super DVM S)” ด้วยแนวคิด Smart Savings for Your Business นำเสนอสุดยอดนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้าน “ความประหยัด” ของทุกกลุ่มธุรกิจอย่างตรงจุดทั้ง “ประหยัดพลังงาน-ประหยัดพื้นที่-ประหยัดเวลา” ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถทางการแข่งขัน พร้อมจัดทัพใหม่ ขยายทีมงานและผู้เชี่ยวชาญเพิ่มขึ้น 50% ตั้งเป้าเพิ่มลูกค้ากว่า 50 โครงการปีนี้ พร้อมดันยอดโตสองเท่าตัวติดต่อกัน 3 ปี
นายฉัตรชัย สันตติอนันต์ รองประธาน ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “ภาพรวมตลาดเครื่องปรับอากาศของเมืองไทยในปีนี้มีมูลค่าตลาดรวม 25,000 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็นเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ 30% โดยซัมซุงมองว่าตลาดนี้จะมีโอกาสเติบโตอีกประมาณ 20%เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยในปีนี้กำลังขยายตัว ด้วยปัจจัยสนับสนุนหลายประการ ได้แก่ นโยบายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐในการเพิ่มรถไฟฟ้าถึง 10 สายในกรุงเทพและปริมณฑล และการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่จะทำให้มีการต้องการที่พักอาศัยเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นธุรกิจประเภทโรงแรม คอนโดมิเนียม และอพาร์ทเมนต์จึงคึกคักเป็นพิเศษ รวมไปถึงธุรกิจประเภทค้าปลีกอย่าง ห้างสรรพสินค้าขนาดเล็กใหญ่ต่างๆ ที่มีการขยายสาขาเพื่อรองรับกำลังซื้อที่กำลังเริ่มฟื้นตัว และการเข้ามาจับจ่ายในประเทศจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้มีการก่อสร้างตึกและอาคารต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งการลงทุนติดตั้งระบบปรับอากาศในอาคารถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า โดยสิ่งที่องค์กรต่างๆ มองหามากที่สุดในการเลือกติดตั้งระบบปรับอากาศในอาคารนั้น คือ ความประหยัด ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ดังนั้นการเลือกใช้ระบบปรับอากาศที่สามารถช่วยประหยัดในเรื่องต่างๆ เช่น ประหยัดค่าใช้จ่ายในการวางระบบและดูแลรักษา ประหยัดพื้นที่ในการติดตั้ง ประหยัดเวลาในการบริหารจัดการ ควบคุมง่าย และที่สำคัญประหยัดพลังงาน จะทำให้ธุรกิจมีต้นทุนในการดำเนินงานน้อยลงและเพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขัน”
ด้วยเหตุนี้ ซัมซุงจึงมุ่งมั่นคิดค้นนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการขององค์กร โดยการนำเสนอ “ซัมซุง ซูเปอร์ ดีวีเอ็ม เอส” ระบบปรับอากาศในอาคารแบบ VRF (Variable Refrigerant Flow) ที่มีความจุมากที่สุดในโลกในขนาดเล็กลงแต่ให้ประสิทธิภาพการทำงานเท่าเดิม โดดเด่นด้วยแนวคิด Smart Savings 3 ประการ “ประหยัดพลังงาน-ประหยัดพื้นที่-ประหยัดเวลา” โดยการประหยัดพลังงาน (Energy Saving) ช่วยลดการใช้พลังงานลงถึง 6.7% เมื่อเทียบกับรุ่นอื่น ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าสูงที่สุดมากกว่าระบบทั่วไปถึง 30% โดยซัมซุง ซูเปอร์ ดีวีเอ็ม เอส ได้รับคะแนนสูงสุดจากทั้ง SEER IEER และ COP ซึ่งเป็นมาตรวัดประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานของเครื่องปรับอากาศตามมาตรฐานสากลของอุตสาหกรรม ประหยัดพื้นที่ (Space Saving)
ซัมซุง ซูเปอร์ ดีวีเอ็มเอส ถูกออกแบบมาในน้ำหนักที่น้อยลงถึง 25% และใช้พื้นที่ในการติดตั้งน้อยลงถึง 43% เมื่อเทียบกับระบบปรับอากาศแบบอื่น ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและดูแลรักษา และเพิ่มพื้นที่ในการใช้สอย เปิดกว้างให้สถาปนิกได้ออกแบบและจัดสรรพื้นที่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และ ประหยัดเวลา (Time Saving) โดยซัมซุง ซูปเปอร์ ดีวีเอ็ม เอส มาพร้อมกับระบบควบคุมการทำงานอัจฉริยะที่สามารถตรวจสอบและสั่งการด้วยอุปกรณ์ต่างๆ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือพีซี ไม่ว่าจะเป็น การตรวจสอบสถานะการทำงาน ความผิดปกติหรือควบคุมอุณหภูมิในจุดต่างๆ ตามต้องการได้ ซึ่งสามารถควบคุมจากที่ไหนก็ได้ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ประหยัดเวลา และประหยัดค่าใช้จ่ายในการจ้างบุคลากรที่มาดูแลในส่วนนี้อีกด้วย นอกจากนี้ซัมซุงยังมีโซลูชันพิเศษในการคำนวณการถ่ายเทของความร้อนและเสียงด้วยโปรแกรม CFD (Computational Fluid Dynamics) ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถเห็นแบบจำลองภาพรวมในการติดตั้งระบบปรับอากาศของซัมซุงได้อย่างชัดเจน
“ในปีนี้ซัมซุงเปิดตัวระบบปรับอากาศเชิงพาณิชย์ทั้งหมด 23 รุ่น ที่โดดเด่นด้วยนวัตกรรมอินเวอร์เตอร์พร้อมทั้งขยายบุคลากรเสริมแกร่งทั้งทีมงานและผู้เชี่ยวชาญ ทั้งทีมออกแบบ วิศวกร ทีมการตลาดและทีมขาย รวมถึงทีมเซอร์วิส เพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 50% ซัมซุงยังมุ่งสร้างการรับรู้รวมถึงการให้ความรู้กับกลุ่มเจ้าของอาคารและกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ถึงข้อดีของระบบปรับอากาศ ซัมซุง ดีวีเอ็ม เอส ที่จะเอื้อประโยชน์ต่อองค์กร นอกจากนี้ ซัมซุงยังพัฒนาโปรแกรมฝึกอบรมและบริการหลังการขาย มีการตั้งเทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ ในการฝึกอบรมทีมงานเพื่อให้มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการให้บริการลูกค้า ส่วนด้านช่องทางการจัดจำหน่าย ซัมซุงได้แต่งตั้งตัวแทนจัดจำหน่ายโครงการเป็น 50 รายทั่วประเทศ ” นายฉัตรชัยกล่าวเสริม
“ซัมซุงมีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งในนวัตกรรมที่ล้ำหน้าของผลิตภัณฑ์ ความพร้อมของทีมงาน ตลอดจน กลยุทธ์ต่างๆ ของซัมซุงที่เตรียมไว้ในปีนี้ จะทำให้ซัมซุงประสบความสำเร็จในการบุกตลาดระบบเครื่องปรับอากาศในอาคารอย่างแน่นอน การันตีความสำเร็จที่ผ่านมาได้ด้วยโครงการมากกว่า 150 ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ อาทิ แพลททินั่ม แฟชั่นมอลล์ สาขาเชียงใหม่, อินเด็กซ์ ลีฟวิ่งมอลล์ สาขาสุราษฎร์ธานี, เซ็นทารา เวสท์ แซนด์ รีสอร์ท ภูเก็ต, โนโวเทล กะรน บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา ภูเก็ต, TOA สำนักงานใหญ่, Jay Mart สำนักงานใหญ่, มหาวิทยาลัย ราชภัฏสวนสุนันทา วิทยาเขตสมุทรสงคราม, โรงพยาบาลกรุงเทพ, โรงพยาบาลสินแพทย์ กทม., ท่าอากาศยานแม่สอด, โรงภาพยนตร์ MVP จังหวัดบุรีรัมย์ โดยตั้งเป้าเพิ่มลูกค้าอีก 50 โครงการในปีนี้ เพื่อผลักดันยอดขายระบบปรับอากาศซัมซุงให้เติบโตสองเท่าทุกปีติดต่อกัน 3 ปี” นายฉัตรชัยกล่าวทิ้งท้าย