กระเป๋าหนึ่งใบช่วยอนุรักษ์โลกได้ไหม?
เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปี Mulberry ได้ออกถ้อยแถลง “Made to Last” เพื่อเผยความมุ่งมั่นอย่างที่สุดที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินธุรกิจไปสู่โมเดลการคืนสภาพและการหมุนเวียน โดยครอบคลุมระบบของขั้นตอนการผลิตทั้งหมด ตั้งแต่ที่ฟาร์มมาจนถึงมือผู้บริโภคภายในปี 2030
เพื่อให้บรรลุความมุ่งมั่นนี้ ถ้อยแถลง Made to Last จะมุ่งเน้นไปที่การดำเนินการหลัก 6 ประการเพื่อมุ่งสู่การเปลี่ยนแปลง ได้แก่:
- เป็นผู้บุกเบิกโมเดลขั้นตอนการผลิตแบบ “จากฟาร์มสู่สินค้าสำเร็จ” (farm to finished products) ที่ให้ความสำคัญกับท้องถิ่นและมีความโปร่งใสที่สุด
- พัฒนาหนังที่ปล่อยคาร์บอนออกมาต่ำที่สุดในโลกจากเครือข่ายฟาร์มที่ใส่ใจในสิ่งแวดล้อม
- ควบคุมการปล่อยแก๊สคาร์บอนสุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี 2578
- ยืดอายุผลิตภัณฑ์ Mulberry ผ่านการซ่อมแซมและการคืนสภาพ
- ซื้อคืน ขายต่อ หรือเปลี่ยนจุดมุ่งหมายในการใช้งานกระเป๋าของ Mulberry
- ขยายความมุ่งมั่นของ Mulberry ในการเป็นนายจ้างที่จ่ายค่าจ้างตามค่าครองชีพที่แท้จริง (Living Wage Employer) โดยทำงานร่วมกับเครือข่ายซัพพลายเออร์ของเราเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเดียวกัน
Mulberry เปิดตัวถ้อยแถลง “Made to Last” ในวันคุ้มครองโลกวันที่ 22 เมษายน 2021 ผ่านแคมเปญดิจิทัล เพื่อถามหลากหลายคำถามสุดท้าทาย ที่บางคำถามอาจทำให้หลายคนต้องอึดอัด ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแสดงออกซึ่งความตั้งใจและความซื่อสัตย์ของแบรนด์ แม้ว่า Mulberry เองอาจจะยังไม่มีคำตอบสำหรับทุกคำถาม
ในช่วงเวลา 50 ปีที่ผ่านมา Mulberry เป็นผู้นำในการออกแบบและการผลิตเครื่องหนังในสหราชอาณาจักร แต่ในปี 2021 Mulberry ต้องการตั้งคำถามว่า ‘เครื่องหนังสามารถเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืนได้ด้วยหรือไม่’ เพื่อตอบโจทย์ข้อนี้ Mulberry ได้เข้าไปพิจารณาทุกส่วนของระบบซัพพลายเชนของแบรนด์ เพื่อใส่หลักการของการคืนสภาพและการหมุนเวียนเข้าไปในทุกขั้นตอน
ด้วยเพราะรับทราบถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงโค Mulberry เชื่อว่า ความสำเร็จที่ต่อเนื่องและยาวนานของการใช้หนังนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถในการตรวจสอบแหล่งที่มาย้อนกลับไปได้อย่างสมบูรณ์แบบจากฟาร์มจนถึงผลิตภัณฑ์ที่ผลิตออกมาจนแล้วเสร็จ และทำให้เราสามารถวางเครือข่ายฟาร์มเกษตรอินทรีย์และใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อจัดหาวัตถุดิบที่จะเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างสรรค์เครื่องหนังของ Mulberry ได้ เครือข่ายนี้จะเป็นรากฐานของความมุ่งมั่นที่ Mulberry มีต่อระบบซัพพลายเชนที่มุ่งเน้นเรื่องการคืนสภาพและการหมุนเวียนภายในปี 2030
Mulberry เป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งขึ้นมาจากการให้ความสำคัญกับชุมชนและท้องถิ่นมาโดยตลอด และตั้งแต่เริ่มต้น เรายังคงมุ่งมั่นที่จะผลิตสินค้าจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่ง ณ โรงงานในเมือง Somerset เช่นเดิม ปัจจุบันโรงงานของเราทั้งหมดในเมืองนี้มีการชดเชยปริมาณคาร์บอนให้เป็นศูนย์ และทุกคนที่ทำงานในโรงงานเหล่านี้จะได้รับค่าจ้างตามค่าครองชีพที่แท้จริง ถึงแม้ Mulberry จะมีความภาคภูมิใจในก้าวแห่งความสำเร็จนี้ แต่เรารู้ว่ายังมีอีกหลายอย่างที่เราต้องทำเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง และนั่นคือเหตุผลที่เราตั้งคำถามอย่างเช่น ‘คุณจะทำกระเป๋าสีน้ำเงินให้เป็นสีเขียว ซึ่งหมายถึงการมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ด้วยหรือไม่’ ในช่วงปลายปีนี้ Mulberry จะเปิดตัวกระเป๋าในคอลเลคชั่น “จากฟาร์มสู่สินค้าสำเร็จ” ที่ผลิตภายในสหราชอาณาจักรเป็นครั้งแรกโดยใช้หนังที่ปล่อยคาร์บอนต่ำที่สุดในโลก คอลเลคชั่นนี้จะแทนภาพอนาคตของธุรกิจ และต่อยอดกลายเป็นโมเดลธุรกิจที่สามารถทำร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรที่เราเชื่อถือ พร้อมทั้งสนับสนุนความมุ่งมั่นของเราในการมุ่งสู่เป้าหมายของการปล่อยแก๊สคาร์บอนเป็นศูนย์ให้ได้ภายในปี 2035
แนวทางการเปลี่ยนแปลงของเราในการจัดหาวัสดุหนังจะได้รับการสะท้อนออกมาผ่านวิธีที่เรานำเสนอโซลูชันใหม่ๆ ในธุรกิจ ตั้งแต่การรวมไนลอนรีไซเคิลและฝ้ายออแกนิกที่ถูกนำกลับมาใช้ใหม่ในผลิตภัณฑ์ที่เราสร้างสรรค์ขึ้น เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในบรรจุภัณฑ์และเครือข่ายร้านค้าของเรา
จากคำถามที่ว่า ‘คุณสอนเคล็ดลับใหม่ให้กับกระเป๋าใบเก่าได้ไหม?’ เราได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะยืดอายุการใช้งานผลิตภัณฑ์ Mulberry ทุกชิ้น ผ่านการซ่อมแซม การทำให้กลับมามีสภาพเดิม และการนำกลับมาใช้ใหม่ ความมุ่งมั่นนี้เป็นหัวใจสำคัญของแนวคิดแบบหมุนเวียน ซึ่งยังส่งอิทธิพลต่อวิธีที่เราออกแบบและผลิต ตลอดจนบริการที่เรานำเสนอให้กับลูกค้าของเรา
ทีมทำงานด้านการซ่อมแซมที่ The Rookery ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงงานในเมือง Somerset ของเรา มีความเชี่ยวชาญด้านการคืนสภาพให้กระเป๋า และทำให้กระเป๋ากลับมามีชีวิตใหม่แล้วมากกว่า 10,000 ใบในแต่ละปี ทั้งนี้ เพราะในคลังของเราได้เก็บหนังและฮาร์ดแวร์ของกระเป๋ารุ่นต่างๆ ย้อนกลับไปไกลถึงกว่า 35 ปี
และด้วยโปรแกรม Exchange เราสามารถจับคู่สินค้าคลาสสิกที่ได้รับการรับรองว่าเป็นของแท้และได้รับการคืนสภาพใหม่อย่างสวยงามกับเจ้าของคนใหม่ได้ โดยกระเป๋าของเราทุกใบ ไม่ว่าจะอายุ 50 ปีหรือเพิ่งจะ 5 เดือน ก็สามารถหาเจ้าของคนที่สอง สาม หรือสี่ซึ่งเป็นสมาชิกรายอื่นในชุมชน Mulberry ได้ แพลตฟอร์มนี้เปิดตัวในบูติคของ Mulberry ในปี 2020 และกำลังจะเข้าสู่ระบบดิจิทัลบนเว็บไซต์ mulberry.com ในเดือนเมษายน 2021 ควบคู่ไปกับการร่วมเป็นพันธมิตรกับ Vestiaire Collective ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน เพื่อให้การขายต่อแบบรีเซลกลายเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์การหมุนเวียนของ Mulberry
หากวันที่กระเป๋าซักใบหนึ่งของ Mulberry มาถึงจุดที่เป็นปลายทาง Mulberry ยังพร้อมที่จะซื้อกลับมาและใช้ระบบเรียกคืนพลังงานที่เป็นนวัตกรรมใหม่และเป็นระบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของ “Muirhead” อีกหนึ่งพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของเราซึ่งยังเป็นสมาชิกของกลุ่มผู้ผลิตเครื่องหนังชาวสก็อตแลนด์ (Scottish Leather Group) เพื่อให้พร้อมนำกลับมาผลิตเป็นกระเป๋าใบใหม่ และทำให้เส้นทางของกระเป๋าใบหนึ่งไม่สิ้นสุดลง แต่ยังคงไหลเวียนในระบบหมุนเวียนดังที่เราตั้งใจไว้
แคมเปญ Made to Last จะทำให้คำถามเหล่านี้แจ่มชัดมากขึ้น ผ่านซีรีส์การถ่ายภาพบุคคล ภาพเคลื่อนไหว และการสัมภาษณ์บุคคลสำคัญทั้งภายในและภายนอกองค์กร ตามแนวทางการคืนสภาพและการหมุนเวียนตามที่ถ้อยแถลงของ Mulberry ได้สัญญาไว้ บุคคลเหล่านี้มีมากมายหลากหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็น “Gizzi Erskine” เชฟ เจ้าของร้านอาหาร และนักกิจกรรมเกี่ยวกับดิน “Wilson Oryema” ศิลปิน นักเขียน และผู้ประกอบการ “Shaway Yeh” ผู้สนับสนุนประเด็นเรื่องความยั่งยืนและผู้ก่อตั้งองค์กร yehyehyeh ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมและการเกษตร ช่างฝีมือจากโรงงานของ Mulberry ใน Somerset และอีกมากมาย ซึ่งแต่ละคนได้เข้ามามีส่วนร่วมในหลายคำถามที่ปรากฏในถ้อยแถลงด้วย
ถ้อยแถลง Made to Last ให้คำมั่นสัญญาว่า ธุรกิจของ Mulberry และกระเป๋าของ Mulberry จะเป็นตัวแทนของความมุ่งมั่นในการฟื้นคืนสภาพ การนำกลับมาใช้ใหม่ และการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ การรักษาคำมั่นสัญญานี้จำเป็นต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมทั้งในอุตสาหกรรม ในระบบซัพพลายเชน และในหมู่ลูกค้า เป็นการเปลี่ยนแปลงในระดับที่เรียกว่าพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ ทั้งวิธีการสร้างผลิตภัณฑ์ต่างๆ และวิธีการใช้ และในที่สุดต้องพาเราไปสู่คำถามที่ว่า ‘กระเป๋าหนึ่งใบสามารถช่วยอนุรักษ์โลกได้หรือไม่?’ เรารู้ดีว่า การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงย่อมเกิดขึ้นจากความเต็มใจที่จะถามตัวเองด้วยคำถามที่ยาก และแสวงหาคำตอบที่เปี่ยมความหมายอย่างไม่ลดละ คำถามที่ว่ากระเป๋า Mulberry สามารถมาพร้อมคำมั่นสัญญาของการฟื้นคืนสภาพ การนำกลับมาใช้ใหม่ และการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ได้หรือไม่? ถ้าทำได้และเราเชื่อว่าทำได้ คำตอบก็คือ ใช่ กระเป๋าสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้สิ่งต่างๆ ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน
“ที่ Mulberry เราได้ดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อปลูกความยั่งยืนลงไปในทุกส่วนของธุรกิจของเรา และวันนี้เราเผยความมุ่งมั่นของเราในโครงการแห่งการเปลี่ยนแปลง โดยนำหลักการของการฟื้นคืนสภาพและการหมุนเวียนมาใช้ในระบบซัพพลายเชนทั้งหมด เรามุ่งมั่นที่จะสร้างโมเดลซัพพลายเชนแบบ “จากฟาร์มสู่สินค้าสำเร็จ” (farm to finished products) ที่ให้ความสำคัญกับท้องถิ่นและมีความโปร่งใสที่สุด และในช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงนี้ ผมรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งต่อเพื่อนร่วมงานของผมและงานที่ผมกำลังทำในการออกถ้อยแถลง “Made to Last” นี้ ผมขอทิ้งท้ายว่า Mulberry พร้อมรับมือกับความท้าทายที่จะเข้ามาในอนาคตอย่างแน่นอน” Thierry Andretta ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Mulberry กล่าว
ถ้อยแถลง “ Made to Last Manifesto” เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันคุ้มครองโลก 22 เมษายน 2021
[ข่าวประชาสัมพันธ์]