[ข่าวประชาสัมพันธ์]
ไม่น่าเชื่อว่าแค่ฝนที่ถล่มลงมาแบบไม่ให้เรารู้ตัว อาจจะทำให้ใครหลายคนต้องสูญเสียความมั่นใจ เพราะเสื้อที่ซักและตากกับมืออย่างตั้งใจกลับมีกลิ่นเหม็นอับจนคนรอบข้างพากันร้องยี๊ใส่ ครั้นจะซักใหม่ก็ไม่ได้เป็นการรับประกันอีกด้วยว่ากลิ่นเหม็นอับจะถูกกำจัดไปได้จริงๆ วันนี้ ดาวน์นี่ แบรนด์ผลิตภัณฑ์ซักผ้าชั้นนำ จะมาบอกเล่าถึงสาเหตุและวิธีการป้องกันและแก้กลิ่นเสื้อผ้าเหม็นอับให้อยู่หมัด บอกได้เลยว่าง่าย กลิ่นหาย แถมผ้าหอมสดชื่นอีกด้วย
1. เลือกซื้อผงซักฟอกเพียงแค่เพราะเห็นว่าราคาถูกกว่า
หลายครั้งที่เราเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ซักผ้าเพียงแค่เพราะราคาถูกกว่า แต่สุดท้ายกลับรู้สึกว่าเสื้อที่ซักนั้นไม่สะอาด ยังมีคราบและกลิ่นไม่หอมสะอาด หรือหลงเหลือกลิ่นอับๆอยู่ ต้นเหตุก็คือสารเติมเต็มที่ถูกผสมเพื่อเพิ่มปริมาณของผลิตภัณฑ์ซักผ้านั่นเอง สารเติมเต็มเหล่านี้นอกจากจะมีส่วนทำให้เสื้อเหม็นอับและมีกลิ่นบูดได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังทำให้ถังซักผ้าสกปรกเร็วอีกด้วย ทางที่ดีควรใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่เข้มข้น ใช้น้อยแต่เสื้อผ้าสะอาด ซึ่งถือเป็นการป้องกันกลิ่นอับตั้งแต่ขั้นแรกเริ่มเลยทีเดียว
2. มองน้ำยาปรับผ้านุ่มเป็นเพียงแค่สิ่งที่ช่วยให้เสื้อผ้าหอม
เป็นเรื่องปกติที่เราจะต้องคาดหวังให้น้ำยาปรับผ้านุ่มมอบความนุ่มให้แก่เสื้อผ้า พร้อมกลิ่นหอมสดชื่นยาวนาน แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้น้ำยาปรับผ้านุ่มมีเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถช่วยให้เสื้อผ้าแห้งเร็วขึ้นได้เหมือนกัน อย่างผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม ดาวน์นี่ สูตรใหม่ ที่ช่วยให้เสื้อผ้าแห้งไวกว่าเดิม หอมมั่นใจแม้ตากในที่ร่ม ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการขจัดกลิ่นอับจากผ้าในหน้าฝนนี้
3. ตากผ้าในที่ร่ม แถมไม่มีอากาศถ่ายเท
หากต้องตากผ้าในหน้าฝน การตากกลางแจ้งคงต้องเลี่ยงกันไป เราจึงต้องหาทำเลที่ตากผ้าแห่งใหม่ที่อยู่ในร่มและปลอดภัยจากละอองฝน ควรมองหาที่ที่มีอากาศถ่ายเทดี เพื่อระบายความชื้นออกจากผ้าได้ง่าย แต่ถ้ามีข้อจำกัดด้านพื้นที่ อาจต้องเลือกใช้พัดลมมาช่วยพัดพาความชื้นออกจากเสื้อผ้าแทน
4. พฤติกรรมพับเสื้อเก็บหรือนำมาใส่ทั้งๆ ที่ผ้ายังไม่แห้งสนิท
การพับ หรือนำเสื้อผ้ามาใส่ทั้งๆ ที่ยังมีความชื้นอยู่คือการเพิ่มปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นอับกับเสื้อผ้าได้อย่างสูงเพราะถือว่าเป็นการปิดโอกาสไม่ให้เสื้อผ้าได้แห้งสนิท ดังนั้น ก่อนจะเก็บเสื้อผ้าต้องเช็คให้ชัวร์ว่าผ้าแห้งสนิทแล้วจริงๆ ถ้าหากรีบใส่ก็ควรรีดด้วยตารีดเพื่อไล่ความชื้นจากเนื้อผ้าก่อนใส่เสมอ
5. แต่งตัวไม่เข้ากันกับฤดู
นอกจากการใส่เสื้อผ้าที่ไม่เหมาะกับฤดูจะทำให้เรารู้สึกไม่สบายตัวแล้ว ยังอาจทำให้การซักและตากผ้าเป็นงานที่ยุ่งยากขึ้นอีกด้วย โดยเสื้อผ้าที่มีเนื้อผ้าหนาเป็นพิเศษอย่างเสื้อไหมพรมก็ควรนำมาใช้ในหน้าหนาว ส่วนในฤดูฝนนี้แนะนำให้ใส่เสื้อผ้าที่มีความโปร่ง และบางเบา เวลาโดนฝนหรือทำการซัก จะช่วยให้ผ้าแห้งเร็วมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องพบเจอกับกลิ่บอับแน่นอน
เมื่อทราบสาเหตุของกลิ่นอับบนเสื้อผ้าและการแก้ไขที่ถูกจุดแบบนี้แล้ว เห็นทีว่าคงจะต้องเริ่มปรับเปลี่ยนนิสัยเกี่ยวกับการซักและตากเสื้อผ้าเสียใหม่ พร้อมใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้เสื้อผ้าแห้งไว ต่อให้ตากในร่มก็ไม่ต้องกลัวว่าเสื้อผ้าจะเหม็นอับ มั่นใจว่าหอมสะอาดสุดๆ
[ข่าวประชาสัมพันธ์]