สิ้นสุดการรอคอยสักที สำหรับ ซีรี่ส์เกาหลี Start-Up ที่ถูกพูดถึงก่อนฉายมานานมากๆ ซีรี่ส์ที่มาพร้อมกับการความหวัง ความฝัน และ การเริ่มสร้างเนื้อสร้างตัวของคนหนุ่มสาว
เปิดเรื่องมาเหมือนเป็นการปูเรื่องราวให้กับตัวละครหลักทั้ง 4 คน ได้แก่ ซอดัลมี นัมโดซาน วอนอินแจ และ ฮันจีพยอง แต่ละคนมีที่มาและมีความสัมพันธ์กันอย่างไรให้คนดูอย่างเราได้รู้จัก รวมทั้งสอดแทรกประเด็นสำคัญๆ เอาไว้ จุดศูนย์กลางที่ดึงทั้งสี่เอาไว้ด้วยกัน คือ วงการสตาร์ทอัพ
ในอีพีแรกเกือบ 90% เราจะเห็น 3 ตัวละครหลัก ซอดัลมี วอนอินแจ และ ฮันจีพยองต่างมุ่งหน้ามาที่งานบรรยายธุรกิจสตาร์ทอัพ ที่ sandbox ภายในงานมีช่วงถามตอบให้ผู้ฟังสามารถถามคำถามผู้มาบรรยายได้ จะมีฉากที่เราเคยเห็นภาพทีเซอร์ปล่อยออกมาของซอดัลมี ที่รับบทโดย แบซูจี ซึ่งยืนขึ้นถือไมค์ถามคำถามภายในงาน คำถามที่ถามออกมาของซอดัลมี เป็นคำถามที่ซีรี่ส์เหมือนต้องการบอกให้เรารู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของตัวละคร แต่ความสัมพันธ์อย่างไร ต้องลองไปดูกัน
มีประโยคหนึ่งที่เราชอบมาก คือ ความหมายของ sandbox ที่เป็นสถานที่หลักของซีรี่สเรื่องนี้ที่หลายๆคนอยากเข้ามาทำงานที่นี่ ความหมายที่เปรียบเหมือนสนามเด็กเล่นที่มีกระบะทรายรองรับ ถ้าเราล้มลงก็ไม่เจ็บ และลุกขึ้นใหม่ได้ เป็นการเปรียบเทียบเหมือนให้เห็นว่าการทำสตาร์ทอัพอาจมีล้มได้ แต่เราก็ลุกได้ทุกเมื่อ
ความสัมพันธ์ของตัวละคร ในซีรี่ส์บอกเล่าเรื่องราวมาให้เราเข้าใจได้ดี ใครมีที่มาจากไหน รู้จัก และ มาเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร เรื่องภาพสวยนี่ไม่ต้องพูดถึง ภาพสวยงามมาก โดยเฉพาะร้านขายฮอตดอกของคุณย่านางเอก เหมือนภาพวาดสุดๆ นักแสดงแต่ละคนก็งานดีเต็มสิบให้สิบ เต็มร้อยให้ร้อย สวยและหล่อมาก
คาแรกเตอร์นิสัยของแต่ละตัวละครถูกถ่ายทอดออกมาได้ชัดเจน มีการดำเนินเรื่องที่น่าติดตาม บางตอนทำเอาซาบซึ้งน้ำตาซึมอย่างเรื่องราวของพ่อนางเอก เหมือนบอกเรากลายๆ ว่าความจริงมันโหดร้าย เมื่อมีโอกาสต้องรีบคว้าไว้ เพราะไม่ใช่ทุกคนจะได้รับโอกาสดีๆ
อีกประโยคที่เราชอบจากซีรี่ส์เรื่องนี้ คือ ประโยคหนึ่งที่คุณย่าของนางเอกพูดไว้กับฮันจีพยองประมาณว่า
“ถ้าวันไหนประสบความสำเร็จ ไม่ต้องติดต่อมา แต่ถ้าหากวันไหนเดือดร้อน เจ็บป่วย ค่อยติดต่อมา”
มันเป็นประโยคที่สื่อถึงความซัพพอร์ตที่มี วันใดคุณล้ม ก็ยังมีคนที่บ้านคอยซัพพอร์ตดูแล ประโยคนี้ให้ความรู้สึกเช่นนั้น
อีโมชั่นของซีรี่ส์เรื่องนี้ บอกตรงๆ ว่าทัชใจมากๆ ในส่วนของความมุ่งมั่นของตัวละคร เพราะจะเห็นชัดเลยว่าแต่ละตัวละครมีเป้าหมายเดียวกันคือการเข้า sandbox รองลงมาคือเรื่องราวของครอบครัวและความรู้สึกถึงรักแรกของซอดัลมี มีการย้อนกลับไปยังยุคที่ใช้วิธีการสื่อสารด้วยจดหมาย มันดูอบอุ่น เป็นเรื่องราวความรักที่ประทับใจ แม้ว่าเรื่องราวจะดำเนินแบบเล่ารายละเอียดตรงๆ แต่กลับซึมซับความละมุนที่มีได้
ส่วนพระเอกของเรา นัมโดซาน ที่รับบทโดย นัมจูฮยอก ชายหนุ่มที่เคยเป็นอัจฉริยะด้านคณิตศาสตร์ แต่ปัจจุบันกลับยังทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง ผู้เป็นรักแรกของซอดัลมี ภาพที่ซอดัลมีมองเห็นกับความจริงของนัมโดซาน แตกต่างกันราวกับเป็นคนละเรื่อง แต่ในซีรี่ส์ก็ทำให้เราจะเห็นความมุ่งมั่นของตัวละครนี้ เขาดูเหมือนเป็นคนใสซื่อ ไม่ค่อยพูด แต่เราจะเห็นการเติบโตของนัมโดซานขึ้นเรื่อยๆ มีความเปลี่ยนแปลง จากผมยาวรุงรัง เปลี่ยนมาเป็นผมสั้น ใส่สูท ซึ่งหล่อมากตรงจุดนี้ เขาเป็นคนหนุ่มที่อยากประสบความสำเร็จ แต่ยังไม่เข้าข่าย โดนกดดันจากครอบครัว โดนคำพูดร้ายๆ ทำร้ายจิตใจ แต่ก็ต้องอดทนสู้ต่อไป
ฮันจีพยอง พระรองของเรา มาแบบละมุนๆ อบอุ่น ดูเหมือนเย็นชา แต่เนื้อแท้เป็นคนใจดี ทำเอาสาวๆ หลายคนเทใจเป็นทีมพระรองกันใหญ่ มีบ้านให้บ้าน มีรถให้รถ เรียกได้ว่าเป็นกามเทพให้พระเอกนางเอกของเรารู้จักกันได้เลยล่ะ แต่จะดีขนาดไหน เราไม่อยากสปอยด์ ต้องไปดูกันเอง
ในส่วนของ วอนอินแจ ก็มาในมาดของหญิงสาวประสบความสำเร็จ ไม่แยแสใครเท่าไหร่ แต่กลับดูมีปมในใจ เป็นลูกเลี้ยงของเศรษฐี ฐานะดี มีแต่คนนับถือ แต่กลับถูกแย่งงานที่รักไป ท้ายที่สุดก็ลุกขึ้นมาสู้ด้วยตัวเองอีกครั้ง เข้าสู่วงการสตาร์ทอัพอีกคน ก็ต้องมาลุ้นต่อไปว่า เธอจะทำธุรกิจอะไรออกมา
อีกฉากหนึ่งที่ชอบของซีรี่ส์นี้ คือ มีบอร์ดหนึ่งในออฟฟิศของซัมซานเทคที่เต็มไปด้วยโพสต์อิทหลายๆ ใบ หนึ่งในนั้นมีแผ่นหนึ่งที่เขียนว่า
“อย่าเอาความคิดเห็นของคนอื่น มาเป็นความจริงของคุณ”
– เลส บราวน์-
เป็นประโยคที่เห็นแล้วรู้สึกถึงกำลังใจมหาศาล เวลาท้อ อ่านประโยคดีๆ ก็ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้
แม้จะยังไม่เห็นชัดว่าธุรกิจสตาร์ทอัพของนัมโดซานและซอดัลมี จะออกมาทิศทางไหน แต่เรียกได้ว่าเป็นการเรียกน้ำย่อยที่ชวนให้น่าติดตามต่อมากๆ ออนแอร์ไปไม่กี่ตอน หากต้องให้คะแนน เราขอให้ 9 เต็ม 10 ไปเลย เพราะดูแล้วเหมือนได้แรงบันดาลใจ นอกจากได้ชมซีรี่ส์น้ำดี ยังจุดประกายความฝันการเป็นสตาร์ทอัพได้ด้วย แต่แน่นอนว่าเรื่องราวยังไม่จบ
ใครอยากรู้ว่าเป็นอย่างไร คงต้องไปติดตามกันต่อที่ Start-Up จาก Netflix ซับไทยจะมาราวๆ ช่วง 21.00 น. ของวันเสาร์และอาทิตย์ อย่าลืมไปดูกันค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง
รู้จักวงการและการทำงานของ ‘สตาร์ทอัพ’ อาชีพในฝันของคนรุ่นใหม่ ผ่านซีรี่ส์เกาหลี ‘START-UP’