“โลโก้” มีอยู่ทุกที่ บางครั้งก็มาให้เห็นในแบบรูปภาพ บางครั้งก็มาเป็นข้อความ คนส่วนใหญ่จะจดจำชื่อแบรนด์ต่างๆ ให้ง่ายขึ้นด้วยการจำภาพของ “โลโก้” ที่ใช้เป็นสัญลักษณ์แทนตัวของแบรนด์นั้นๆ
ว่าแต่เคยสงสัยกันมั้ยว่า ทำไมบางทีโลโก้แบรนด์ดังสุดๆ กลับมีการออกแบบที่ดูเหมือนจะธรรมดา หรือแท้จริงแล้ว ความธรรมดาที่เห็น มันไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดกันแน่ กว่าจะออกแบบโลโก้แบบนี้ออกมาได้ แท้จริงแล้วดีไซเนอร์อาจซ่อนความหมายอะไรเอาไว้ก็เป็นได้ ว่าแล้ววันนี้เราจะพาทุกคนไปค้นหาความหมายที่ซ่อนอยู่ของโลโก้แบรนด์ดังต่างๆ ที่คุ้นเคยกันดี มาดูกันว่า “โลโก้” ที่เราเห็นบ่อยๆ แท้จริงแล้ว ซ่อนความหายอะไรอยู่กันนะ…
1. โลโก้ของ beats
โลโก้ของ beats นั้นค่อนข้งเรียบง่าย ซึ่งถูกออกแบบมาให้มีตัวอักษร ‘b’ ล้อมรอบด้วยวงกลม ตามด้วยชื่อแบรนด์ อย่างไรก็ตาม หากสังเกตจริงๆ วงกลมที่เห็นนั้น มันไม่ได้เป็นรูปทรงเรขาคณิตธรรมดาเท่านั้นนะคะ แต่ความจริงมันกำลังแทนที่ภาพของศีรษะคนเราอยู่ต่างหาก และตัวอักษร ‘b’ ที่อยู่ด้านใน ก็แทนที่ด้วยหูฟังของแบรนด์ ทำให้ภาพโลโก้ที่ออกมาเหมือนคนใส่หูฟังอยู่ เสมือนเป็นตัวแทนให้ลูกค้าทราบว่า เมื่อพวกเค้าซื้อหูฟังของ beats ไปแล้ว เค้าก็จะใส่หูฟังในรูปแบบเดียวกับโลโก้ที่เห็น
2. โลโก้ของ amazon
amazon.com เป็นเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่ทั่วโลกรู้จักกันดี หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่าโลโก้ของ amazon นั้นจะมีลูกศรสีเหลืองที่ชี้เริ่มตั้งแต่ตัวอักษร a ไปยัง z ของคำว่า amazon ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ทางแบรนด์ต้องการสื่อออกมาว่า พวกเขาขายตั้งแต่ a-z หรือพูดง่ายๆ ก็คือมีขายทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ a-z นั่นเอง นอกจากนี้ตัวลูกศรยังโค้งคล้ายกับรอยยิ้ม บ่งบอกให้รู้ว่าเวลาลูกค้ามาช้อปสินค้าที่เว็บไซต์ amazon ลูกค้าจะมีความสุขนั่นเอง
3. โลโก้ของ Baskin Robbins
Baskin Robbins ขึ้นชื่อเรื่องไอศกรีม แน่นอนว่าในโลโก้ของ Baskin Robbins เองก็ซ่อนความหมายเอาไว้เช่นกัน หากสังเกตเฉพาะตัวอักษร B และ R ที่มีสีชมพูโดดเด่นออกมา จะเห็นว่ามันสามารถอ่านเป็นเลข 31 ได้ ซึ่งตัวเลขนี้นี่แหละ คือ จำนวนของรสชาติไอศกรีมที่ Baskin Robbins มี
4. โลโก้ของ adidas
adidas เป็นแบรนด์ผู้ผลิตเกี่ยวกับเครื่องแต่งกายกีฬาและรองเท้ากีฬายอดนิยม โลโก้แถบสามแถบของแบรนด์นั้นมักจะอยู่ในการออกแบบสินค้าของแบรนด์อยู่เสมอ หากมองให้ดีๆ จะเห็นว่า แถบสามแถบของโลโก้ adidas นั้น จะคล้ายกับภาพของภูเขา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความท้าทายและอุปสรรคที่นักกีฬาจะต้องเผชิญและเอาชนะมันให้ได้
5. โลโก้ของ LG
หากพูดถึงแบรนด์ LG สิ่งแรกที่หลายๆ คนจำได้เกี่ยวกับโลโก้ของแบรนด์นี้ คือตัวอักษร L และ G แต่ที่จริงแล้ว ในโลโก้ของ LG ยังมีภาพประกอบที่ใช้ตัวอักษร L และ G มาประกอบกันด้วย ซึ่งภาพนั้น หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่ามันคือภาพใบหน้าของคน ตัวอักษร L สร้างจมูก และตัวอักษร G ก็เป็นโครงหน้า สิ่งนี้ทำให้แบรนด์มีองค์ประกอบของความเป็นมนุษย์ ทำให้ดูมีความน่าดึงดูดและเข้าถึงง่ายมากขึ้น
6. โลโก้ของ FedEx
FedEx เป็นแบรนด์ที่เกี่ยวกับการขนส่งที่ได้รับความนิยม และโลโก้ของแบรนด์นั้น เราก็มักจะเห็นตามรถขนส่งอยู่บ่อยครั้ง แน่นอนว่าการขนส่ง เรื่องความแม่นยำ รวดเร็วในการส่งของนั้นเป็นเรื่องสำคัญ หากสังเกตดีๆ ในโลโก้นี้ ก็มีความหมายซ่อนอยู่ ตรงตัวอักษร E และ x ช่องว่างสีขาวระหว่างตัวอักษรทั้งสองที่ติดกันนั้น หากมองเฉพาะสีขาว จะเห็นเป็นรูปลูกศรชี้ไปด้านข้าง ซึ่งหมายความว่าการส่งของของ FedEx จะไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
7. โลโก้ของ Google
เป็นโลโก้ที่ทุกคนคุ้นเคย ซึ่งหากสังเกตจะเห็นว่าโลโก้ของ Google นั้น จะแทนด้วยสีของแม่สี คือ น้ำเงิน เหลือง แดง แต่กลับมีสีเขียว ซึ่งเป็นสีขั้นที่ 2 โผล่มาที่ตัวอักษร l (แอล) ซึ่ง Google ต้องการแสดงให้เห็นว่า Google นั้นไม่ได้อยู่ในกรอบของกฏเกณฑ์ตลอด แต่ยังรู้วิธีเล่นสนุกต่างๆ
8. โลโก้ของ Toblerone
Toblerone เป็นแบรนด์ช็อกโกแลตที่ขึ้นชื่อของประเทศ Switzerland มาพร้อมกับเอกลักษณ์ของช็อกโกแลตที่เป็นรูปสามเหลี่ยม ซึ่งในโลโก้ของแบรนด์ ได้ซ่อนเมืองที่ผลิตช็อกโกแลตแบรนด์นี้เอาไว้ด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ เมือง BERN และยังซ่อนรูปหมี ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองเอาไว้ในภาพโลโก้ที่เป็นภูเขาด้วย หากมองเฉพาะบริเวณที่เป็นสีขาว จะเห็นว่านั่นเป็นรูปหมีซ่อนอยู่
9. โลโก้ของ Levi’s
พูดถึง Levi’s แน่นอนว่าภาพกางเกงยีนส์จะผุดขึ้นมาทันทีที่ได้ยินชื่อแบรนด์นี้ ซึ่งในโลโก้ของ Levi’s เอง ก็ได้มีการซ่อนความหมายไว้เช่นกัน นั่นก็คือ บริเวณด้านล่างของโลโก้ ตรงรอยหยัก จะเห็นว่ามันโค้งเป็น 2 โค้ง ซึ่งได้ซ่อนความหมายไว้ว่าเป็นก้นของผู้สวมกางเกงยีนส์ของ Levi’s ไว้นั่นเอง
10. โลโก้ของ TOYOTA
โลโก้ปัจจุบันของ TOYOTA มีมาตั้งแต่ปี 1990 วงแหวนสามวงที่ซ้อนกันอยู่ หมายถึงการรวมตัวกันของหัวใจของลูกค้าและผลิตภัณฑ์ของโตโยต้า โดยพื้นที่เบื้องหลังแสดงถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและโอกาสที่รออยู่ข้างหน้า นอกจากนี้ในภาพวงแหวนซ้อนกันสามวงนี้ ยังซ่อนตัวอักษรทั้งหมดของชื่อแบรนด์เอาไว้อย่างแนบเนียนอีกด้วย
11. โลโก้ของ Apple
โลโก้ของ Apple นั้นตรงตัว คือ เป็นรูปผลไม้แอปเปิ้ล แต่ด้วยความที่ดีไซเนอร์ออกแบบมาครั้งแรกแล้วดูเหมือนลูกเชอร์รี่มากเกินไป สตีฟ จ็อบส์ ผู้ก่อตั้ง Apple จึงเสนอให้ทำมีรอยแหว่งลงบนแอปเปิ้ลด้วย เหมือนรอยกัด(bite) เพื่อให้ดูมีความเป็นแอปเปิ้ลมากขึ้น ซึ่งคำว่า bite ภาษาอังกฤษ นอกจากจะแปลว่ารอยกัดแล้ว ยังพ้องเสียงกับ byte ที่เป็นหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ที่เล็กที่สุดด้วย ทำให้กลายมาเป็นโลโก้ของ Apple ที่ทุกคนคุ้นตาในทุกวันนี้
12. โลโก้ของ Pinterest
Pinterest เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับแนวคิดมาจากการปักหมุด ซึ่งโลโก้ของ Pinterest ตัวอักษร P นั้นถูกออกแบบให้เหมือนกับภาพของหมุดปัก แต่มาอยู่ในรูปแบบของดิจิทัลแทน