หยุดยาวปีใหม่ที่ผ่านมา เพื่อนๆ ไปเที่ยวที่ไหนกันมาบ้างคะ? สำหรับเราเองก็มีโอกาสได้ไปเที่ยวต้อนรับปีหมูทอง 2019 ด้วยการขึ้นเรือสำราญข้ามประเทศเป็นครั้งแรก เพื่อเดินทางจากกรุงเฮลซิงกิ เมืองหลวงของประเทศฟินแลนด์ มายังกรุงสต็อกโฮลม์ ประเทศสวีเดน

เชื่อว่าเมื่อพูดถึง ‘เรือสำราญ’ คงจะมีเพื่อนๆ หลายคนคงสงสัยว่า ในเรือสำราญนั้นมันเพลิดเพลินสำราญใจจริงมั้ยกันนะ แล้วความหรูหราล่ะ แค่ได้ยินชื่อก็คิดว่าต้องหรูมากแน่ๆ เลย แต่จะหรูจริงมั้ย สำราญจริงหรือเปล่า? เพื่อไขข้อข้องใจให้เพื่อนๆ เราจึงไม่พลาด ตามประสา EDITOR ขอเก็บตกโมเม้นท์ที่ได้มีโอกาสเดินทาง มารีวิวส่งต่อให้เพื่อนๆ JEAB.COM ให้ได้ชมกันด้วยค่า เผื่อเพื่อนๆ คนไหนกำลังมองหารูปแบบการเดินทางแบบใหม่ๆ ไปเที่ยวโซนกลุ่มประเทศนอร์ดิก (ประเทศเดนมาร์ก นอร์เวย์ สวีเดน ฟินแลนด์และไอซ์แลนด์) จะได้มีทางเลือกใหม่ๆ ให้ได้ประทับใจกันเนอะ

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักเรือสำราญ “SILJA LINE” (อ่านภาษาไทยว่า ซิลเลียไลน์) ที่เราขึ้นเดินทางจากฟินแลนด์ไปยังสวีเดนกันก่อนค่ะ สำหรับเรือสำราญ SILJA LINE เป็นของบริษัท TALLINK จากประเทศฟินแลนด์ โดยมีเส้นทางเดินเรือไปยังหลายสถานที่ ไม่เพียงแต่สวีเดนเท่านั้นนะคะ แต่ยังสามารถไปยังกรุงทาลินน์ ประเทศเอสโตเนีย, กรุงรีกา ประเทศลัตเวีย และ หมู่เกาะโอลันด์ ฯลฯ ได้ด้วยล่ะค่ะ ซึ่งเพื่อนๆ สามารถดูเส้นทางการเดินเรือ รวมทั้งการ BOOKING จองเรือสำราญกันได้ที่เว็บไซต์ https://www.tallinksilja.com/book-a-cruise เลือกวันและเวลาที่ต้องการเดินทาง รวมทั้งที่พักแบบที่ต้องการได้เลยล่ะ

พอ Booking เรียบร้อย ทำการเช็คอิน เราก็จะได้ Bording Pass มา คล้ายๆ กับตั๋วเครื่องบินนี่แหละ แต่อันนี้จะเป็นตั๋วใบเล็กๆ สำหรับการขึ้นเรือ และยังใช้เป็นบัตรกุญแจสำหรับเข้าห้องพักในเรือที่จองไว้ด้วยนะ เพราะฉะนั้นต้องเก็บดีๆ นะ เพราะถ้าหายไป เราจะเข้าห้องพักไม่ได้ แถมคนอื่นยังเข้าห้องพักเราได้ด้วย

เรือสำราญลำที่เราได้ขึ้น มีชื่อว่า SILJA SERENADE เป็นเรือสำราญสำหรับแล่นจาก HELSINGI – STOCKHOLM เห็นแบบนี้สูงพอๆ กับตึก 13 ชั้นเลยนะจ๊ะ

หน้าตาของตั๋วจะเป็นแบบในรูปด้านบน สิ่งแรกที่เพื่อนๆ ต้องตรวจเช็คเลยก็คือ ชื่อและนามสกุลของตัวเอง ตรงตามพาสปอร์ตหรือเปล่า ระบุตรงมั้ยก่อนนะ เช็คดีๆ เดี๋ยวพลาด

จากนั้นก็มาสังเกตดูรายละเอียดบนตั๋วกัน จะเห็นว่า มีตัวเลขอยู่ทั้งหมด 4 ตัวบนตั๋ว (ตรง XXXX) ซึ่งแต่ละตัวมีความหมายดังนี้

• ตัวเลขลำดับแรก คือ ชั้นที่พัก
• ตัวเลขลำดับที่ 2 คือ ลิฟต์ที่ใช้ เนื่องจากในเรือสำราญมีหลายลิฟต์ หลายมุม ก็คล้ายๆ กับห้างสรรพสินค้า มีลิฟต์หลายตัวให้ขึ้นลงนั่นแหละค่ะ
• ตัวเลขลำดับที่ 3 และ 4 คือ เลขที่ห้องพัก

นอกจากตัวเลข 4 ตัวหลักๆ นี้แล้ว บนตั๋วก็จะมีระบุเวลาอาหารเย็นและอาหารเช้า สำหรับคนที่จองเอาไว้เรียบร้อยด้วย ขอบอกว่าห้องอาหารไม่ธรรมดา อาหารฟูลออฟชั่นมากๆ และยังมีรหัส Wifi เอาไว้ให้กับเพื่อนๆ ได้เล่นอินเทอร์เน็ตแบบลื่นไหลอีกด้วย

เมื่อถึงเวลา Boarding Time ก็เตรียมเอาตั๋วแตะที่ช่องแสกนหรือให้พนักงานตรวจตั๋วแสกนให้ พอแสกนเรียบร้อย ประตูกั้นก็จะเปิดออก เราก็เดินสวยๆ ลากกระเป๋าใบเล็กสำหรับลงเรือ เดินไปตามทางเดิน เข้าสู่เรือสำราญได้เลย โดยชั้นที่เราจะมาโผล่ คือ ชั้น 7 ซึ่งชั้น 7 นี้ยังเป็นชั้นที่ความ Entertainment ครบครันสุดๆ และเป็นชั้นหลักที่เราจะพาเพื่อนๆ ไปชมบรรยากาศกันด้วย

เข้ามาถึงแล้วชั้น 7 บอกตรงๆ ดูแทบไม่ออกเลยว่านี่คือเรือสำราญ ถ้าไม่นับว่าพื้นจะโคลงหน่อยๆ ตามระลอกคลื่นที่ยังไม่แรงมาก เพราะเรือยังไม่แล่น ด้วยความเราได้ขึ้นเรือคือวันที่ 31 ธันวาคม 2561 พอดี เรียกว่ามาขึ้นเรือสำราญเพื่อเตรียมเคาท์ดาวน์ต้อนรับปีใหม่ 2562 กันเลยล่ะค่ะ ภายในเรือสำราญ 2 ข้างทางเดินจึงประดับประดาไปด้วยแสงไฟเล็กๆ ระยิบระยับ ให้เข้ากับบรรยากาศการเฉลิมฉลองที่กำลังมาถึง

มีเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ให้สอบถามข้อมูลต่างๆ อยู่บริเวณทางเข้าเลย ใครมีปัญหาอะไรก็สอบถามพนักงานได้

โดยภายในเรือสำราญ ชั้นที่เพื่อนๆ คงได้แวะเวียนไป มีด้วยกันทั้งหมด 6 ชั้น คือ ตั้งแต่ชั้น 6-13 แต่ละชั้นก็มีสิ่งล่อตาล่อใจแตกต่างกันไป

• ชั้น 6 มีห้องอาหารสำหรับกิน Grand Buffet จัดเต็ม รวมทั้งยังเป็นห้องอาหารเช้าด้วย
• ชั้น 7 ชั้นนี้แหละ เต็มไปด้วยความบันเทิง ช็อปปิ้งเพลินเลยทีเดียว เพราะเต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆ ทั้งของช้อป ร้าอาหาร ผับ
• ชั้น 7/8 Starlight เป็นไนท์คลับสุดหรู
• ชั้น 8 Sea View Lounge เล้าจ์สำหรับชมวิวทะเล
• ชั้น 12 Sunflower Oasis เป็นโซนซาวน่า
• ชั้น 13 New York Club & Lounge

มาดูที่ชั้น 6 และ 7 ที่วันนี้เราเก็บตกมาฝากเพื่อนๆ กันดีกว่า เข้ามาในเรือสำราญแล้ว จะเจอกับอะไรบ้าง

มีร้านขายของขวัญ ให้ซื้อกลับไปฝากเพื่อนๆ ด้วย ในร้านจะเชื่อมกับร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ สำหรับร้านของขวัญขอบอกมีขาย Marimekko ในราคาถูกกว่าที่ไทยเยอะเลยด้วยนะ คำนวณเล่นๆ Tote bag ถูกกว่าไทยมากกว่า 50% เลยล่ะ มีโอกาส อยากให้เหมากลับมา นอกจากนั้นก็มีของที่ระลึกอื่นๆ คาแรกเตอร์การ์ตูนของฟินแลนด์อย่างมูมินก็มี

สำหรับใครที่พาเด็กๆ มาด้วยก็มีร้านขายของเล่นสำหรับน้องๆ หนูๆ หรือซื้อกลับไปให้เด็กๆ เล่นด้วยล่ะ

ร้านเสื้อผ้าก็มีนะ

ร้านอาหารก็มีเต็มเลย เลือกรับประทานตามสไตล์ที่ชอบได้ แต่ส่วนใหญ่ก็อาหารยุโรปนะคะ

ใครเล็งหาของแบรนด์ ก็มีร้าน LUXURY จำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมด้วย แต่อาจจะไม่ใหญ่เท่าห้าง มีบางแบรนด์เท่านั้น กระเป๋า ACCESSORY แว่นตา นาฬิกาต่างๆ

เดินเล่นตามทาง ก็จะเจอกับ TAX FREE SUPERSTORE หรือไฮไลท์อีกอย่างบนเรือสำราญลำนี้อย่าง Duty Free นั่นเอง มีเหมือนในสนามบินเลยจ้า ขนมาหมดทั้งเครื่องสำอาง น้ำหอม นาฬิกา เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ บุหรี่ และขนมต่างๆ ราคาก็มีให้เลือกจ่าย 2 สกุลเงิน คือ ยูโร และ SEK หรือจะจ่ายเป็นบัตรเครดิตก็ได้ หยิบตะกร้าหรือรถเข็น และเดินช้อปได้เลยสะดวกสบาย ซึ่งโซนนี้ทางเข้าจะมี 2 ทาง คือ ชั้น 6 และ ชั้น 7 ของเรือสำราญนั่นเอง

อีกหนึ่งมุมที่โดดเด่นบนเรือสำราญลำนี้ คือมี มุมสำหรับนักเสี่ยงโชค ใครอยากจะลองลุ้นเสี่ยงโชค ก็มีคาสิโนให้เข้าไปลองลุ้นเล่นกันด้วยค่ะ แต่ต้องอายุเกิน 18 ปี ก่อนนะคะ

ตามมุมทางเดินก็จะมีตู้เครื่องเล่น เครื่องคีบตุ๊กตาก็มีให้เล่นสนุกเช่นกัน

เดินเล่นสักพัก กลับเข้าห้องพักกันต่อ ห้องพักบนเรือสำราญมีหลายระดับมาก แต่ห้องพักที่เราพัก ถ้าเป็นห้องพักในเรือก็ถือว่าไม่เล็กเลยนะคะ เข้าไปจะเจอกับเตียงนอนเดี่ยว 2 เตียง ด้านบนสามารถพับเตียงลงมาเป็นเตียงสองชั้นได้ และมีบันไดแขวนริมกำแพงให้ยกมาพาดสำหรับปีนขึ้นด้านบนด้วย ห้องน้ำก็ขนาดกะทัดรัด มีแก้วน้ำให้สองใบสำหรับใส่แปรงสีฟันและบ้วนปาก

ถัดจากห้องพัก เก็บของเรียบร้อย มาหาของกินกันหน่อยดีกว่า เมื่อถึงเวลาดินเนอร์ จะมี Grand Buffet ของห้องอาหารบนเรือสำราญ อาหารหลากหลาย ที่ดีที่สุดคือ ใครที่ชอบดื่มไวน์ ดื่มเบียร์ งานนี้กดฟรีไม่อั้นเลยล่ะ หรือถ้าใครอยากดื่มน้ำอัดลมก็มีเช่นกัน กดฟรีเพลินเลยล่ะ

เครื่องดื่มกดฟรี ทั้งแอลกอฮอลล์และน้ำอัดลม

บรรดาอาหารหลากหลายมากทั้งเมนูคาว เมนูของหวาน

ซึ่งวันนั้นเราก็กินอิ่ม นอนหลับสบายเลยทีเดียว เพราะเมาเรือสุดๆ ดังนั้นขอเตือน ขึ้นเรือสำราญ อย่าเพิ่งคิดว่าจะสำราญใจเพียงอย่างเดียว แม้จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย แต่บนเรือที่โคลงเคลงไปตามระลอกคลื่น หากใครที่เมาเรือ บอกเลยว่ามันไม่สำราญมากนัก เพราะคุณจะเหมือนได้นั่งเครื่องเล่นที่เหวี่ยงอยู่ตลอดเวลาเลยล่ะค่ะ ดังนั้นอย่าลืมพกยาแก้เมาเรือ ติดตัวขึ้นเรือมากันด้วยนะคะ เตรียมตัวให้พร้อม เท่านี้ก็แฮปปี้แล้วล่ะ

NOTE : อย่าลืมเตรียมยาแก้เมาเรือมาให้พร้อมนะคะ

หลังจากพักผ่อนกันเต็มที่ เช้าวันใหม่เวลาที่สวีเดน ประมาณ 10.00 น. เรือก็จะแล่นมาถึง STOCKHOLM เทียบท่าให้นักเดินทางทุกคนได้ไปเที่ยวประเทศสวีเดนกันแล้วล่ะค่า ความสวยงามของสวีเดน เห็นแล้วคุ้มที่เมาเรือจริงๆ