ว่ากันว่าชาเขียวมัทฉะมีประโยชน์คือช่วยลดคอเลสเตอรอลในร่างกายเมื่อดื่มเป็นประจำ นอกจากจะนำมาชงดื่มร้อนๆ เพื่อเพิ่มความสดชื่นแล้ว ชาเขียวมัทฉะยังทำมาเป็นขนมหวานได้หลากหลายประเภทเลยนะคะ หนึ่งในนั้นคือขนมหวานน่ารับประทานอย่างทรัฟเฟิล ที่ทำได้ง่าย ไม่ยากอย่างที่คิดด้วยค่ะ
และในวันนี้เราก็ได้นำวิธีทำทรัฟเฟิลชาเขียวมัทฉะแบบทีละสเต็ปมาฝากให้คุณได้ชมและทำตามกันด้วยค่ะ ขอบอกว่าแค่เห็นภาพก็ฟิน อยากกินแล้วนะ ยิ่งเมื่อทำเสร็จ อร่อยโดนใจสุดๆ แบบนี้ ขอบอกว่าไม่ควรพลาดกันเลยค่า ว่าแล้วไปชมกันเลยดีกว่าว่าเราต้องเตรียมอะไรบ้าง และมีวิธีทำอย่างไร
สิ่งที่ต้องเตรียม (สำหรับ 25 ชิ้น)
1. ไวท์ช็อกโกแลต 10 ออนซ์ (ประมาณ 283 กรัม)
2. heavy cream 1/3 ถ้วย
3. ชาเขียวมัทฉะ 3/4 ช้อนชา + ชาเขียวมัทฉะสำหรับคลุกผิวด้านนอก
4. เกลือ 1/8 ช้อนชา
5. เนยจืด 2 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำร้อน 2 ช้อนชา (ถ้าต้องการ)
7. ราสเบอร์รี่ฟรีซดราย (Freeze-dried raspberry) หรือผลไม้ฟรีซดรายอื่นๆ ตามชอบ (ถ้ามี)
8. อุปกรณ์ที่ต้องใช้ : ถาดทำน้ำแข็งแบบซิลิโคน ถุงบีบครีม และตะแกรงสำหรับร่อนชาเขียวมัทฉะ
วิธีทำ
STEP 1 อุ่น heavy cream เนยจืด ในกระทะที่ไฟต่ำ เมื่อเนยละลายหมดเติมเกลือ 1/8 ช้อนชา
STEP 2 ค่อยๆ เทส่วนผสมครีมอุ่นๆ ในข้อ 1 ลงในชาเขียวมัทฉะ 3/4 ช้อนชา จากนั้นให้คนจนกระทั่งส่วนผสมทั้งหมดไม่จำตัวเป็นก้อน (เจ้าของสูตรบอกว่าถ้าร่อนชาเขียวด้วยตะแกรงก่อนจะผสมกันไวขึ้น) พักไว้
STEP 3 สับไวท์ช็อกโกแลตหยาบๆ แล้วใส่ในถ้วยสแตนเลสหรือถ้วยแก้ว
STEP 4 นำน้ำเปล่าประมาณ 4 ถ้วยเทใส่หม้อ ต้มน้ำให้เดือด ปิดไฟ วางถ้วยที่มีช็อกโกแลตอังบนหม้อน้ำร้อน ช็อกโกแลตจะละลายอย่างช้าๆ ให้คนอย่างสม่ำเสมอ
STEP 5 เมื่อช็อกโกแลตละลายหมด นำถ้วยออกจากหม้อน้ำร้อน เทส่วนผสมครีมชาเขียวมัทฉะที่พักไว้ลงในช็อกโกแลต ผสมให้เข้ากัน
STEP 6 ถ้าช็อกโกแลตดูหยาบๆ แยกตัวเป็นเม็ดๆ ให้ใส่น้ำร้อนเล็กน้อยช็อกโกแลตจะเข้ากันมากขึ้น
STEP 7 เทช็อกโกแลตลงในถุงบีบครีม (ใส่ถุงบีบลงในแก้วมัคจะช่วยให้เทส่วนผสมช็อกโกแลตลงง่ายขึ้น)
STEP 8 บีบช็อกโกแลตลงในถาดทำน้ำแข็งซิลิโคน ปาดด้านบนให้เรียบเสมอกัน
STEP 9 แช่ตู้เย็นประมาณ 4 – 5 ชั่วโมง เพื่อให้ช็อกโกแลตแข็งตัว
STEP 10 เมื่อช็อกโกแลตแข็งตัวได้ที่แล้วค่อยๆ แกะออกจากถาดซิลิโคน คลุกด้วยผงชาเขียวมัทฉะที่ร่อนผ่านตะแกรงแล้ว โรยด้วยราสเบอร์รี่ฟรีซดรายด้านบน พร้อมเสิร์ฟค่ะ (เก็บรักษาในตู้เย็นเพราะละลายง่าย)
เห็นแล้วน่ารับประทานสุดๆ ไปเลยใช่มั้ยละคะ วิธีทำก็ดูไม่ยาก ใช้เวลาเพียงแค่ 40-50 นาทีในการทำ แต่ระดับความอร่อยนี่ฟินสุดๆ ไปเลยล่ะค่ะ ยังไงใครที่ชอบก็ลองทำกันตามดูนะคะ
ชมภาพทั้งหมดที่ Gallery ด้านล่างค่ะ
ที่มา : aroiho, ohhowcivilized