‘นวัตกรรมและเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต’ เป็นสิ่งที่เราเชื่อว่าหลายๆ ท่านคงอยากรู้ อยากเห็น และอยากมองดูประสิทธิภาพของสิ่งแปลกใหม่ที่ถูกค้นคิดขึ้น เพราะเป็นสิ่งที่หลายท่านไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเห็น จึงไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นจะทำให้โลกในวันข้างหน้าของเราเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นได้อย่างไร จะมีความสะดวกสบายและตอบโจทย์การใช้ชีวิตในรูปแบบต่างๆ ส่งผลให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้หรือไม่ ซึ่งในวันนี้เราจะพาท่านไปค้นหาคำตอบของความสงสัยเหล่านั้นไปพร้อมๆ กับชมกับนวัตกรรมต่างๆ ที่ตอบโจทย์เหล่านี้กับทางเอสซีจี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำที่มุ่งมั่น สร้างสรรค์นวัตกรรม ทั้งในแง่ของสินค้าและบริการ เพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตของเราคนไทยทุกคนกันภายในงาน “SCG 100th Anniversary Innovative Exposition” ซึ่งได้มีการเปิดตัวรอบสื่อมวลชนไปเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 1 สิงหาคม 2556 กันค่ะ
ภายในสถานที่ SCG Experience ได้ถูกตกแต่งเพิ่มเติมให้กลายเป็นสถานที่จัดงาน SCG 100th Anniversary Innovative Exposition เนื่องในวาระที่ทางเอสซีจี ครบรอบ 100 ปี สำหรับในงานวันนี้ นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ของเอสซีจี ได้กล่าวถึงนวัตกรรมสินค้าและบริการ ที่ทางเอสซีจีสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนมาตลอดหนึ่งศตวรรษ ตามแนวคิด “Drawing the Future”
ซึ่งแนวคิดดังกล่าวนี้ก็ถูกนำมาถ่ายทอดผ่านภายในงาน “SCG 100th Anniversary Innovative Exposition โลกนวัตกรรม โลกแห่งอนาคตที่ยั่งยืน” เพื่อแสดงให้เห็นว่าทางเอสซีจีนั้นมุ่งมั่น และ ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะคิดค้นและสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าและบริการต่างๆ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในวันข้างหน้า โดยคำนึงถึงการสร้างสมดุลระหว่างผู้คนในสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมให้เติบโตควบคู่กันและอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเอสซีจีที่ในปี พ.ศ. 2558 นั้น เอสซีจีจะเป็นผู้นำทางธุรกิจอย่างยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียน มุ่งสร้างคุณค่าให้แก่ลูกค้า พนักงาน และ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ด้วยนวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีคุณภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ที่ผ่านมาทางเอสซีจีก็มีการทำการค้นคว้าวิจัยและพัฒนา (R&D) มาโดยตลอด เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเอง รวมถึงส่งเสิรมการสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าและบริการเพื่อเพิ่มมูลค่า (High Value Added-HVA) ทั้งรูปแบบการดำเนินธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนร้างเครือข่ายงานวิจัยและทรัพย์สินทางปัญญาทั้งในและต่างประเทศ
นายกานต์ยังได้กล่าวอีกว่าเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ ทางเอสซีจีจึงมุ่งเน้นพัฒนาด้านนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง สินค้าอุตสาหกรรมจะไม่ใช่สินค้าพื้นฐาน (Commodity) ที่มีอยู่ทั่วไปเพียงอย่างเดียว แต่จะเป็นสินค้าที่มีคุณภาพและคุณสมบัติที่สูงขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีความซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ การวิจัยและพัฒนาจึงเป็นสิ่งที่ทางเอสซีจีให้ความสำคัญด้วยการร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และสถาบันการวิจัยทั้งในและต่างประเทศ ต่อจากนั้นนายกานต์ได้ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจในเครือร่วมกับกรรมการผู้จัดการใหญ่ของแต่ละธุรกิจ ทั้งเอสซีจี ซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี-เปเปอร์ และเอสซีจี-เคมิคอลล์ ซึ่งได้มีการพูดคุยถึงสินค้าและนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างในกรณีของ เอสซีจี-เคมีคอลล์ ที่ร่วมคิดค้นเครื่องล้างไตที่บ้าน และยังมีอุปกรณ์ที่ใช้ในทางการแพทย์สำหรับการทำแผลและการผ่าตัดประเภทหนึ่ง ซึ่งปกติแล้วจะผลิตจากวัสดุสแตนเลส แต่ทางเอสซีจีได้คิดค้นและผลิตนวัตกรรมเครื่องมือชนิดนี้ขึ้นใหม่ โดยออกแบบร่วมกับนายแพทย์และทำขึ้นจากพลาสติก เมื่อใช้งานเสร็จแล้ว ก็สามารถทิ้งได้เลย ซึ่งเมื่อต้นทุนวัสดุถูกลง ในอนาคตการรักษาพยาบาลต่างๆ ก็น่าจะทำให้ประชาชนทั่วไปนั้นเข้าถึงการแพทย์กันได้มากขึ้น ถือเป็นผลดีต่อเรา ประชนชนมากขึ้น เรียกได้ว่าทางเอสซีจี ไม่เพียงแต่คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อคนไทยแล้ว แต่ยังคำนึงถึงคุณภาพชีวิตและการเข้าถึงของประชาชนอีกด้วยล่ะค่ะ
เยี่ยมชมความยิ่งใหญ่ของ SCG 100th Anniversary Innovative Exposition
หลังจากที่ผู้บริหารเอสซีจีได้ร่วมพูดคุยกันในงานแถลงข่าวเสร็จเรียบร้อย ก็มาถึงช่วงเวลาของการเยี่ยมชมภายในงาน SCG 100th Anniversary Innovative Exposition แห่งนี้ ภายในงานจะถูกแบ่งเป็นทั้งหมด 3 ชั้นด้วยกัน เพื่อบอกเล่าถึงความเป็นมาตลอด 100 ปี ของเอสซีจี ที่อยู่เคียงข้างสังคมไทยมาโดยตลอด รวมถึงนำผลงานนวัตกรรมที่เอสซีจีได้คิดค้นพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการและรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ควบคู่ไปกับการพัฒนานวัตกรรมที่ใส่ใจในสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงเทรนด์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
สำหรับในชั้นแรกนั้นเมื่อเราเข้ามายัง SCG Experience ด้านหน้าจะมี SCG CHECK IN ซึ่งเป็นเคาน์เตอร์ตั้งยาวเห็นเด่นชัด เป็นจุดลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์สำหรับผู้เข้าชมงานพร้อมรับสิทธิพิเศษต่างๆ มากมาย มี SCG HERITAGE ที่เป็นเสมือนแกลลอรี่ผลงานและประวัติที่ผ่านมาของทางเอสซีจีว่าที่ผ่านมา 1 ศตวรรษนั้น ทางเอสซีจีมีผลงานอะไรผ่านมาบ้าง จัดแสดงในรูปแบบคล้ายกับแกลลอรี่แสดงผลงานผ่านบอร์ดเรื่องราวต่างๆ
SCG INNOVATIVE STORE
และมีร้านค้าที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ น่าสนใจไม่น้อยจัดแสดงสินค้าให้เลือกช็อปปิ้งกันผ่านทาง SCG INNOVATIVE STORE ซึ่งเป็นร้านค้าที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมจริงๆ เลยล่ะค่ะ ทั้งการซื้อสินค้าง่ายๆ ด้วยปลายนิ้ว เพียงแค่มีสมาร์ทโฟน วางสมาร์ทโฟนลงไปบนหน้าจอ เลือกหยิบคิวบิกที่มีรหัสสินค้าประเภทต่างๆ มาวางไว้ หน้าจอด้านล่างจะแสดงข้อมูลต่างๆ มากมายมาให้เรา ทั้งราคา รายละเอียด การสั่งซื้อ ทำได้ง่ายแตกต่างจากปกติทั่วๆ ไป ดูล้ำสมัยและน่าสนใจไม่น้อยเลยล่ะค่ะ
SCG X-Ray
รวมไปถึงนวัตกรรมที่น่าสนใจอื่นๆ อีกมากอย่างเช่น SCG X-Ray ซึ่งเป็นการแสกนดูโครงสร้างภายในของบ้าน ดูวัสดุที่ใช้ก่อสร้างขึ้นมา คล้ายกับเอ็กซเรย์ร่างกาย แต่นี่คือการเอ็กซเรย์ตัวบ้านนั่นเอง รวมไปถึงสินค้าประเภทไม้และหิน ที่ทาง SCG ได้มีการผลิตขึ้นให้มีรูปลักษณ์และดีไซน์เหมือนไม้จริง หินจริง แต่มีคุณสมบัติที่ดีกว่าไม้และหินจริงเหล่านั้น เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน และ ทนสภาพการใช้งาน ไม่ต้องพบเจอปัญหาต่างๆ ที่เราพบเห็นกันทั่วไปอย่าง ปลวก มอดในไม้จริง เป็นต้น ซึ่งก็ ถือเป็นนวัตกรรมที่น่าสนใจและมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราไม่รู้ว่ามีอยู่ เป็นแต่ในวันนี้ทางเอสซีจีได้มุ่งมั่นและคิดค้นขึ้นมาให้เราและจัดแสดงให้ได้ชมภายในงาน SCG 100th Anniversary Innovative Exposition แห่งนี้กันแล้วค่ะ
DRAWING THE FUTURE PAVILION
ไม่เพียงเท่านั้น ชั้นแรกของงานยังเป็นสถานที่จัดแสดง DRAWING THE FUTURE PAVILION ภาพยนตร์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งต้องขอยอมรับว่าทางเอสซีจีนั้นทำออกมาได้ดีมากๆ จริงๆ สำหรับห้องสำหรับดูภาพยนตร์ ซึ่งเป็นไฮไลท์ของงานอย่าง SCG THE MOVIE
SCG THE MOVIE จัดแสดงออกมารูปแบบภาพยนตร์ 4D ฉายผ่านระบบมัลติมีเดีย Projection Mapping ให้เราได้ชมกันด้วย ตัวเนื้อหาของภาพยนตร์นั้นเป็นเรื่องราวแห่งความผูกพันของคนกลุ่มหนึ่ง จากต่างที่ต่างวัย ต่างจุดเริ่มต้น สู่จุดหมายเดียวกันเพื่อร่วมวาดฝันเติมเต็มเส้นทางสู่อนาคตที่งดงามและยั่งยืน ระบบเสียงและแสงสีทำได้ดีเยี่ยม คล้ายกับเราได้ชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ชั้นนำ ต่างกันตรงที่ในห้องชมภาพยนตร์ SCG THE MOVIE นั้นจะใช้การยืนในการรับชมเรื่องราว ไม่ได้นั่งบนเก้าอี้เหมือนอย่างในโรงภาพยนตร์ทั่วไป ภายในจะแบ่งเป็นสองชั้นด้วยกัน เป็นที่ยืนชมสี่เหลี่ยมผืนผ้าล้อมรอบจอภาพยนตร์ซึ่งจะอยู่ตรงกลางห้องและมีขนาดใหญ่ บริเวณที่ยืนจะล้อมกรอบอยู่ด้านนอก แบ่งเป็น 2 ชั้น ให้เรายืนมองลงไปด้านล่างที่มีจอภาพ ซึ่งทำเลเหมาะๆ และเห็นได้ชัดเจนสวยงาม แนะนำให้ยืนบริเวณชั้นสอง จะได้อรรถรสไม่น้อยเลยทีเดียว
เรื่องราวการแสดงถ่ายทอดผ่านภาพและสีแสงเสียงได้อย่างสวยงามสมจริงเป็นมิติอย่าง 3D แต่แน่นอนว่าที่ข้างต้นเรากล่าวว่าภาพยนตร์นี้ฉายในแบบระบบ 4D จึงต้องมีอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจให้ได้พบเห็นกันอีก ในตอนแรกที่รับชมยังไม่เห็นอะไรมาก นอกจากความประทับใจเรื่องภาพ แสงสี และเสียง ที่แสดงออกมาได้อย่างสมจริง และดูเป็นมิติ
หลังจากที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการรักสิ่งแวดล้อม ภาพด้านล่างโปรยปรายด้วยดอกไม้ อยู่ๆ ก็มีกลิ่นหอมลอยฟุ้ง ซึ่งทำให้รู้สึกอินไปกับบรรยากาศและเนื้อหาเรื่องราวตรงหน้ามากขึ้น และหลังจากนั้นฉากฝนตกก็มีละอองน้ำฉีดโปรยให้เย็นชุ่มช่ำกันเล็กน้อย ฟองสบู่ กระดาษโปรย เรียกว่าเอ็ฟเฟ็กต์ที่โผล่มาแต่ละอย่างนั้นสอดรับกับภาพที่แสดงอยู่ในเรื่องราวของภาพยนตร์จนทำให้คนดูนั้นรู้สึกสนุกสนานและตื่นตา อินไปกับบรรยากาศและเรื่องราวที่ทางเอสซีจีทำออกมาได้มากขึ้น เป็นห้องที่แนะนำว่าไม่ควรพลาดเข้ารับชม เพราะดูแล้ว แม้เรื่องราวอาจจะแตกต่างกับภาพยนตร์ทั่วไป แต่ใช้เวลาในการรับชมไม่นานมากนัก ซึ่งเราเชื่อว่าคุณจะได้รับความประทับใจกลับมาแน่นอนค่ะ เมื่อชมภาพยนตร์จบ เดินออกจากโรงภาพยนตร์จะมาโผล่ตรงบริเวณร้านค้า SCG INNOVATIVE STORE ซึ่งจะมีขายสินค้าที่ระลึกต่างๆ ให้เลือกกันด้วยค่ะ
SCG INNOVATION FOR LIFE
เราก็ได้รับชมชั้นแรกกันไปเรียบร้อยแล้ว ต่อมาเป็นชั้นที่ 2 ซึ่งเป็นที่จัดแสดงเกี่ยวกับ SCG INNOVATION FOR LIFE (นวัตกรรมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน) มีนวัตกรรมสินค้าและบริการที่เอสซีจีคิดค้นเพื่อตอบโจทย์รูปแบบการใช้ชีวิตในอนาคตอันใกล้ โดยจำลองรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันตลอด 24 ชม ตั้งแต่ตื่นนอน เดินทาง ทำงาน รับประทานอาหาร จนถึงการพักผ่อน ซึ่งคุณจะได้สัมผัสนวัตกรรมของเอสซีจีที่อยู่รอบตัวคุณ ช่วยอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วยล่ะค่ะ
ที่เราเห็นแล้วสนใจไม่น้อยก็อย่างการปลูกต้นไม้ในแนวดิ่ง ซึ่งสมัยนี้หลายคนอาศัยในคอนโดมิเนียม มีพื้นที่น้อยไม่เพียงพอจะปลูกต้นไม้ สินค้านวัตกรรมของเอสซีจีชิ้นนี้ เรียกได้ว่าช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวในบ้านเราได้มากขึ้นทีเดียวเลยค่ะ และเหมาะสำหรับคนที่ไม่มีพื้นที่หรือมีพื้นที่จำกัดได้ดีอีกด้วย รวมไปถึงอย่างการซ่อมแซมตัวเองของคอนกรีต ซึ่งเรียกว่า SELF-HEALING นวัตกรรมใหม่ที่น่าสนใจ เมื่อคอนกรีตเกิดการแตกร้าว จะมีการซ่อมแซมตัวเองให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ด้วย ถือเป็นเรื่องราวที่เราไม่ค่อยรู้ ไม่ค่อยเห็น ต่างถูกจัดแสดงให้เราได้ชมนวัตกรรมใหม่ๆ มากมายในชั้นนี้
THE CITY OF TOMORROW
และสำหรับชั้นสุดท้าย ชั้นที่ 3 นั้น เป็นการจัดแสดงที่เกี่ยวกับ THE CITY OF TOMORROW (มหานครแห่งอนาคต) ซึ่งจะพาเราไปสัมผัสประสบการณ์และเทรนด์การอยู่อาศัยในสังคมแห่งอนาคตที่ทุกสิ่งเป็นจริงได้ผ่านนวัตกรรมสินค้าและบริการของเอสซีจีที่จะช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของเมืองในอนาคต เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมให้ดียิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมให้เติบโตอย่างยั่งยืน นำเสนอผ่านระบบทัชสกรีน และ Projection Mapping ที่สะท้อนมุมมองเมืองอนาคตได้อย่างทันสมัย มีมุมของบ้านแห่งอนาคตเพื่อความยั่งยืน FUTURE SUSTAINABLE HOME รู้จักกับเทคโนโลยีเพื่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม ด้วยนวัตกรรมแบบบูรณาการที่ช่วยลดการใช้พลังงานในบ้าน เพื่อการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืนในวันนี้และอนาคต
และอีกมุมที่น่าสนใจในชั้นนี้ไม่น้อยไปกว่าทุกๆ มุมก็คือ ELDERLY EXPERIENCE (สูงวัย…เข้าใจได้) ซึ่งเราชอบมุมนี้ไม่น้อยเลยล่ะค่ะ เนื่องจากสมัยนี้บางคนชอบละเลยผู้สูงอายุกันมาก หรือ บางครั้งก็ไม่เข้าใจว่าพวกท่านมีความคิดความอ่านอย่างไรกันบ้าง ต้องการอะไร ซึ่งในมุมของสูงวัยเข้าใจได้นี้ จะพาเราไปสัมผัสประสบการณ์เสมือนจริงผ่านการเรียนรู้และสังเกตจากการจำลองบทบาทผู้สูงวัย เพื่อพาเราไปค้นหาคำตอบสำหรับทุกความต้องการเรื่องที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัยที่มีความแตกต่างในแต่ละบุคคล ให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างอิสระ ปลอดภัย และพึ่งพาตัวเองได้มากที่สุด ซึ่งก็จะทำให้เราทราบว่าผู้สูงอายุในแต่ละคนนั้นต้องการอะไร เราจะได้หาในสิ่งที่ดีที่สุดและตรงตามต้องการให้กับพวกท่านได้นั่นเอง
การได้มาเยี่ยมชมงาน SCG 100th Anniversary Innovative Exposition งานนี้เพียงงานเดียว ต้องขอบอกว่าได้รับอะไรกลับไปมากจริงๆ ค่ะ ทั้งองค์ความรู้ใหม่ๆ นวัตกรรมใหม่ที่เราไม่เคยพบเห็นและไม่เคยรู้ว่ามีอยู่ รวมไปถึงความสนุกสนานจากการได้ชมภาพยนตร์เรื่องราวที่ทำออกมาได้ดีจริงๆ เรียกได้ว่าเพียงแค่มาหนึ่งงาน กลับได้อะไรกลับบ้านไปมากกว่าหนึ่ง คุ้มค่าจริงๆ เลยล่ะค่ะ
สำหรับงานนี้ จะเปิดให้เข้าชมทั่วไปตั้งแต่ในวันที่ 2 สิงหาคม – 1 กันยายน 2556
ระยะเวลาเปิดงาน วันอาทิตย์– พฤหัสบดีเวลา : 11.00 – 19.00 น. วันศุกร์ – เสาร์ เวลา : 11.00 – 21.00 น.
หากใครว่าง เราก็อยากจะขอเชิญชวนให้ลองมา SCG EXPERIENCE (เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา) เพื่อชมงานนี้กันดูนะคะ ทางเอสซีจีก็มีบริการรับส่งด้วยรถ Shuttle Bus ฟรีทุกวันอีกด้วย ตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม –1 กันยายน 2556 ที่สถานีรถไฟฟ้า MRT เซ็นทรัลพระราม 9 – SCG Experience ซึ่งช่วยให้เราสะดวกในการเดินทางอีกด้วยล่ะค่ะ
ลองมาชมงานนี้กันดูนะคะ… ‘เราเชื่อว่าแล้วคุณจะได้อะไรกลับไปมากกว่าเดิม’
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่