ว่ากันว่าเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไป วิถีชีวิตของเราก็เปลี่ยนไปตาม ในอดีตจังหวะชีวิตของคนเมืองอาจเป็นไปแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ปัจจุบันจังหวะชีวิตของคนเมืองส่วนใหญ่ ตั้งอยู่บนความรีบเร่งควบคู่กับไปเวลาที่หมุนไปข้างหน้าไม่เคยรอใคร เวลาเพียงแค่หนึ่งวินาที อาจเปลี่ยนแปลงเรื่องต่างๆ ไปได้ บางคนมาทำงานสายมากกว่าที่ตั้งใจเอาไว้ ทั้งที่ออกแต่เช้า ก็เพราะรถติด บางคนพลาดการประชุมงานที่สำคัญไป ก็เพราะรถติด

มีการทำวิจัยมาว่าคนเราใช้เวลาอยู่บนรถที่ติดในแต่ละวัน เฉลี่ยแล้วในหนึ่งปี เราเสียเวลาไปทั้งหมดประมาณ 40 วัน นั่นเท่ากับว่าเราเสียเวลาไปเปล่าๆ ถึงเดือนกว่า ทั้งที่แท้จริงแล้วเราสามารถทำอะไรได้มากมายในช่วงเวลาที่หายไป จะใช้ไปพักผ่อนให้สุดเหวี่ยง ใช้ทำกิจกรรมที่ชื่นชอบก็ได้ เพราะฉะนั้นหากมองย้อนกลับไป ตัวแปรที่ทำให้อาจเสียเวลาได้โดยไม่ใช่เหตุ ก็คือการติดขัดของจราจร การใช้รถยนต์ รถเมล์ เนื่องจากบริเวณที่อยู่อาศัยอาจไม่มีขนส่งสาธารณะที่รวดเร็วอย่างรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน หรือ Airport Link อยู่ในบริเวณนั่นเอง ดังนั้นในเรื่องของทำเลที่ตั้งติดรถไฟฟ้า จึงกลายเป็นปัจจัยที่สำคัญอันดับต้นๆ ที่ผู้อยู่อาศัยคนเมืองใช้เลือกประกอบการพิจารณาซื้อที่อยู่กันในปัจจุบัน

ที่อยู่อาศัยติดรถไฟฟ้าส่วนใหญ่ที่เรามักจะเห็นกันก็เป็นประเภทคอนโดมิเนียม ซึ่งก็มีอยู่หลายโครงการคอนโดฯ ที่ผุดขึ้นมาตามแนวรถไฟฟ้า คอยตอบสนองความรีบเร่งของคนเมืองที่มีชีวิตขึ้นอยู่กับเวลา และหนึ่งในนั้นคือ Elio Del Ray ในซอยสุขุมวิท 66/1 และ สุขุมวิท 64 ใก้ลรถไฟฟ้าอุดมสุขและปุณณวิถี จากบริษัท อนันดา ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด ผู้นำด้านคอนโดฯ ติดรถไฟฟ้าที่หลายคนคุ้นเคยชื่อกันดี รายละเอียดต่างๆ ต่อไป ทาง LivingOops! จะพาคุณไปรีวิวได้ชมกันดูด้านล่างนี้เลยค่ะ

[REVIEW] Elio Del Ray

– ข้อมูลเบื้องต้นของโครงการ ทำเล และ ที่ตั้ง

Elio Del Ray เป็นคอนโดมิเนียม Low Rise 8 ชั้น จากบริษัท อนันดา ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด มีทั้งหมด 8 อาคาร ตั้งแต่ A-H รวมจำนวนยูนิตทั้งหมดอยู่ที่ 1,630 ยูนิตที่พัก และ 4 ยูนิตร้านค้า ตั้งอยู่บนพื้นที่ 16-2-17.7 ไร่ ในซอยสุขุมวิท 66/1 และ สุขุมวิท 64 สามารถเข้าได้ทั้งสองซอย อยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าอุดมสุข 600 เมตร และห่างจากสถานีปุณณวิถี 700 เมตร มีราคาเริ่มต้นที่ 1.62 ล้านบาท แถมด้วยส่วนลดอีกมากมาย

แผนที่โครงการ

Google Map

View เอลลิโอ เดล เรย์ in a larger map

สถานที่ใก้ลเคียง Elio Del Ray
• โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 2
• ไบเทค บางนา
• ห้างสรรพสินค้า Mega Bangna
• ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลบางนา
• Bangkok Mall ศูนย์การค้าครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย(เพียง 10 นาทีจาก BTS อุดมสุข)

– Sale Office : Elio Del Ray

แน่นอนว่า หากเรามาแบบไม่ค่อยมีข้อมูล ต้องการขอข้อมูลของทางโครงการเพิ่มเติม ควรแวะเข้าไปพูดคุยกับ เซลล์ซะหน่อย สอบถามรายละเอียดที่ต้องการ ก่อนที่จะเข้าชมห้องตัวอย่าง สถานที่จริง เพื่อใช้ในการประกอบการตัดสินใจ ครั้งนี้ทาง LivingOops! ก็ได้แวะเข้าไปติดต่อขอชมที่ Sale Office ของ Elio Del Ray มาก่อนเช่นกันค่ะ ซึ่งมีอยู่ 2 ที่ด้วยกัน

ที่แรกตั้งอยู่ที่สถานีรถไฟฟ้าอุดมสุข ทางออกที่ 2 หรือปากซอยสุขุมวิท 64 หากว่าคุณขับรถมาเอง มาจากทางเส้นในเมือง ก็อาจต้องกลับรถมายังซอยสุขุมวิท 64 แต่หากมาทางเส้นนอกเมือง ตรงเข้าเมือง เลยรถไฟฟ้าอุดมสุขมาเพียงเล็กน้อย ก็จะเห็น Sale Office ของ Elio Del Ray โดดเด่นอยู่ ด้านหน้าเป็นป้ายปากซอยสุขุมวิท 64 ก่อนถึงปากซอย จะมีทางเข้าเลี้ยวเข้าที่จอดรถของตัวอาคาร Sale Office แห่งนี้ค่ะ

แต่หากมาด้วยรถไฟฟ้า เพื่อความสะดวกสบายล่ะก็ มองดูป้ายทางออกที่ 2 จากนั้นเดินลงจากบันไดลงมาด้านล่าง จะเห็นอาคารโมเดิร์นชั้นเดียวสีเทาตัดด้วยดีไซน์สีเหลือง มีป้ายเขียนชื่อคอนโดฯ ELIO DEL RAY ตัวใหญ่เห็นได้ชัดเจนทันที ตลอดทางเดินก็มีธงโฆษณาตามทาง นั่นแหละอาคาร Sale Office ที่แรกที่เราพูดถึงของตัวโครงการนี้

แวะพูดคุยกับเซลล์ ชมแปลนแผนผังตัวโครงการกันสักหน่อย ดูสิว่ามีอาคารไหนขายหมดแล้วบ้างนะ… สอบถามเซลล์ในเรื่องข้อมูลที่ต้องการ และแจ้งความจำนงขอเข้าชมตัวโครงการ ทาง Sale Office จะมีรถตู้ Shuttle bus คอยรับส่งลูกค้าจากที่นี่ ไปยังตัวโครงการสบายๆ ขากลับจากตัวคอนโดฯ ก็นั่ง Shuttle bus กลับมาที่ Sale Office เดิมแล้วกลับบ้านตามทางของคุณได้เลย ใครขับรถมา ก็เอารถที่ลานจอด ใครมารถไฟฟ้า เดินไปนิดเดียวก็ถึงตัวสถานีอุดมสุขแล้ว

ส่วน Sale Office อีกแห่ง อยู่ที่ตัวที่ตั้งโครงการ Elio Del Ray เลยค่ะ ใครที่อยากไปที่ตัวโครงการก่อนเลย แบบไม่ย้อนไปย้อนมา ก็สามารถเข้าไปด้านในตามวิธีการเดินทางที่จะพูดถึงต่อไปด้านล่างได้เลยนะคะ เข้าไปขอติดต่อเข้าชมห้องตัวอย่าง พูดคุยกับเซลล์ที่อยู่ประจำหน้างานได้เลย อยากจะสอบถามราคา ถามส่วนลด ความเป็นอยู่อย่างไร คุยกับเซลล์ได้เลยค่ะ พนักงานที่นี่ยินดีตอบและให้บริการข้อมูลกับคุณเป็นอย่างดี

– วิธีการเดินทางไปยัง Elio Del Ray

วิธีการเดินทางไปยังตัวโครงการ เราแบ่งการเดินทางออกเป็น 3 วิธีที่สามารถไปได้นะคะ
1. จากสถานีรถไฟฟ้าอุดมสุข เข้าไปยังซอยสุขุมวิท 66/1 ประมาณ 600 เมตร
2. จากสถานีรถไฟฟ้าปุณณวิถี เข้าไปยังซอยสุขุมวิท 64 ประมาณ 700 เมตร
3. จากทางด่วนรามอินทรา เข้าทางซอยสรรพาวุธ 2 แล้วเลี้ยวเข้ามาทางซอยสุขุมวิท 64

แต่สำหรับการไปรีวิวในครั้งนี้ ทาง LivingOops! ได้เลือกใช้เส้นทางที่ 1 เนื่องจากสะดวกและรวดเร็ว หลังจากเดินทางด้วยรถไฟฟ้าจากออฟฟิศ LivingOops! มาลงยังสถานีอุดมสุขเรียบร้อยแล้ว เราแวะไปยัง Sale Office ก่อน แต่เนื่องจาก Shuttle Bus ที่รับส่งยังไม่กลับมาจากตัวโครงการ เลยตัดสินใจเลือกวิธีเดินทางด้วยตนเอง โดยไม่รอรถตู้ เพื่อไม่ให้เสียเวลา เราก็ออกเดินทาง โดยการเดินย้อนกลับไปทางสถานีรถไฟฟ้าอุดมสุข เดินไปเรื่อยๆ ทางตรงค่ะ ตามฟุตบาท

ไปยัง Elio Del Ray โดยทางเราเลือกวิธีการเดินทางแบบที่ 1 มาจากรถไฟฟ้าลงสถานีอุดมสุข และต่อด้วยการเข้าไปในซอยสุขุมวิท 66/1 ซึ่งจะมีจุดสังเกตให้รู้ว่าเป็นซอยไหน คือให้เดินไปเรื่อยๆ จนเห็นศูนย์ซ่อมรถยนต์ HONDA ตั้งอยู่ ซอยก่อนถึงศูนย์ HONDA จะเป็นซอยสุขุมวิท 66/1 ค่ะ ซึ่งถนนในซอยใหญ่พอสมควร มีรถให้บริการอย่างวินมอเตอร์ไซด์รับจ้างด้านหน้าปากซอยเลย มองเห็นเป็นเต้นท์ จอดเรียงเป็นระเบียบ ถัดไปอีกนิด เป็นคิวรถสองแถว

เราเลือกวิธีนั่งวินมอเตอร์ไซด์โลดเพื่อความเร็ว ซึ่งก็ราคาไม่แพง ระยะทางประมาณ 600 เมตรเพื่อเข้าไปยังตัวคอนโดมิเนียม แต่ราคามอเตอร์ไซต์ 10 บาท เท่านั้นค่ะ โบกและบอกพี่วินไปเลยว่า “ไปคอนโด Elio Del Ray” พี่วินที่นี่เขารู้จักกันดี พาคุณไปส่งถึงหน้าโครงการ

• อาหารการกินในซอย

สองฝั่งในซอยสุขุมวิท 66/1 มีร้านอาหารข้างทางรองรับพอสมควร เพราะฉะนั้นอยู่ในซอยนี้ รับรองไม่อดตายค่ะ ระหว่างทางเข้าไปโครงการมีคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดเล็กๆ มีร้านสะดวกซื้อ 7-11 และ ร้านอาหารภายในอีกหลายร้าน ขณะเดียวกันบริเวณซอยสุขุมวิท 64 ใกล้ๆ กันนั้นยังมีปั๊มน้ำมัน ปตท. ที่เป็นจุดพักรถ ภายในมีร้านอาหารมากมายทีเดียว ทั้งคาวหวาน อาทิ ร้าน S&P, ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟทรงเครื่อง, เชสเตอร์กริลล์, ฟู๊ดคอร์ท เป็นต้น

ภายในโครงการ Elio Del Ray

หลังจากพี่วินพามาส่งที่หน้าตัวโครงการแล้ว เราก็จะเห็นป้าย Elio Del Ray ป้ายสีเทาของโครงการตัวใหญ่ มองไปด้านในเห็นตัวอาคารหลายตึกตั้งตระหง่าน หน้าโครงการมีต้นไม้ปลูกร่มรื่นตลอดแนวทางเข้า ถัดไปด้านข้างใกล้ๆ มีป้ายโครงการ Elio สีเหลือง เป็นพี่น้องกันกับ Elio Del Ray ซึ่งคือโครงการ Elio สุขุมวิท 64 นั่นเองค่ะ อาณาเขตจะอยู่ติดกันเลยเพราะฉะนั้นมาแล้ว มองป้ายทางเข้าดีๆ นะคะ ชื่อ Elio เหมือนกัน แต่ถ้าจะมา Elio Del Ray ป้ายจะเป็นสีขาวและมี Del Ray อีกบรรทัดนะจ๊ะ

ถึงด้านหน้าตัวโครงการแล้ว ใครอยากจะถ่ายภาพแชะกับป้ายโครงการสักหน่อย ก็ตามสบายเลยค่ะ จากนั้นเราจะเดินเข้ามาด้านในโครงการกัน มีป้อมยามคอยดูแลความเรียบร้อยและตรวจตราเข้าออกของผู้คน สกรีนแลกบัตรกันไป มองไปๆ รอบในตอนนี้จะเห็นแต่ตัวอาคารและที่จอดรถ ซึ่งสำหรับโครงการ Elio Del Ray นี้มีที่จอดรถสามารถจอดได้ทั้งหมด 544 คัน (โดยไม่จอดซ้อนคัน)

– ร้านค้าอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้าน

มองตรงไปด้านหน้าจะเห็นซูปเปอร์มาร์เก็ต MaxValu Tanjai ที่ตอนนี้กำลังก่อสร้างอยู่บริเวณอาคาร A เร็วๆ นี้จะเปิดให้ลูกบ้านโครงการได้รับความสะดวกสบายที่มากขึ้น ซึ่งเป็นจุดหนึ่งที่เราชอบของตัวโครงการต่างๆ จากอนันดาฯ ที่จะคงคอนเซ็ปต์เติมความสะดวกสบายให้ลูกบ้าน มีซูปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ตัวเสมอ ใกล้แหล่งของกิน ของใช้ หาซื้อได้ง่าย แถมเปิด 24 ชั่วโมงอีกด้วย

ในอาคาร A แห่งนี้ นอกจากจะมีซูปเปอร์มาร์เก็ตให้ความสะดวกสบายบริการลูกบ้านในโครงการแล้ว ยังมีร้านกาแฟชิลๆ นั่งชมวิวของพื้นที่ส่วนกลางที่สวยงามของคอนโดฯ อย่าง True Coffee อีกด้วยนะคะ หากอยากได้บรรยากาศ มองเห็นสระว่ายน้ำของส่วนกลางที่ทำออกมาสวยมากๆ ล่ะก็ แนะนำให้นั่งบริเวณริมประตูบานเลื่อนด้านในกันนะคะ มองออกไปมีน้ำพุสวย บรรยากาศดีไม่เบาเลย

จากตรงจุดนี้ เมื่อเดินเข้ามาต่ออีกนิด เราจะมองเห็นพื้นที่ส่วนกลางที่อลังการโดดเด่นมากๆ ของโครงการนี้กันค่ะ ซึ่งส่วนกลางนี้กินพื้นที่กว่า 4 ไร่เลยทีเดียว บอกตรงๆ เห็นแล้ว ทำเอาอยากจะจองสักห้องกันเลยนะเนี่ย

– พื้นที่ส่วนกลางภายในคอนโดฯ

ถือเป็นไฮไลท์สำหรับคอนโดฯ เลยทีเดียว เพราะสร้างได้น่าอยู่มากๆ เลยล่ะค่ะ ดูเหมือนเป็นเกาะส่วนตัว เพราะส่วนกลางจะตั้งอยู่บริเวณตรงกลางระหว่างอาคารที่พักของลูกบ้านทั้งหมด ตั้งแต่อาคาร A-H ทำให้ลูกบ้านทุกคนสามารถที่จะเข้าถึงพื้นที่นี้ได้เท่าเทียมกัน ได้รับความสะดวกสบายไม่น้อยไปกว่ากันเลยสักนิดเดียว

พูดถึงส่วนกลางที่สวยงามของโครงการนี้แล้ว หลายคนคงอยากรู้ว่าเขามีคอนเซ็ปต์อะไรหรือเปล่า ถึงได้สร้างออกมาเป็นแบบนี้กันนะ…ซึ่งจากการสอบถามเจ้าหน้าผู้ใจดีมา ก็ได้รับคำตอบว่า พื้นที่ส่วนกลางนี้ ทำขึ้นมาจากคอนเซ็ปต์ที่ต้องการจะสร้างที่พักที่เป็นเหมือนเกาะส่วนตัว ให้เวลาที่เราได้ไปพักผ่อน สามารถปล่อยใจสบายๆ ไปกับสายลม แสงแดด บรรยากาศดีที่มีต้นไม้เยอะร่มรื่น สูดอากาศบริสุทธิ์สดชื่นได้รอบด้านนั่นเองค่ะ

ซึ่งจากแผนผังด้านบน จะเห็นได้ว่ามีทางเดินล้อมแต่ละอาคารเชื่อมต่อกัน สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ที่ออกแบบให้มีดีไซน์ไหลไปตามตรงกลางของที่ตั้งอาคารทั้งหมด มีต้นไม้ปลูกร่มรื่น และมีโซฟาเดย์เบดแบบเอ้าท์ดอร์ เก้าอี้ริมสระ ให้นั่งพักผ่อนชิลๆ อยู่ตลอด โดยแบ่งจุดพักผ่อนของส่วนกลางเหล่านี้ ออกมาเป็น 3 ส่วน ตามแนวสระว่ายน้ำด้วยกัน ดังนี้

1.The Beach พื้นที่ส่วนกลางบริเวณสระว่ายน้ำของช่วงโซนอาคาร F,G
2.The Island พื้นที่ส่วนกลางบริเวณสระว่ายน้ำของช่วงโซนอาคาร A,E,H
3.The Cliff พื้นที่ส่วนกลางบริเวณสระว่ายน้ำของช่วงโซนอาคาร B,C,D,E

แต่ละอาคารจะมีล็อบบี้ให้นั่งพักผ่อน ทุกอาคาร ขณะเดียวกันแต่ละโซนของพื้นที่ส่วนกลางภายในโครงการก็จะแบ่งสถานที่อำนวยความสะดวกสบายต่างๆ กันไป

โดยบริเวณโซน The Beach จะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำ มีสวนร่มรื่นสวยงาม เป็นมุมพักผ่อนสบายๆ ตัวสระส่วนนี้ มองไปจะเห็นปลากระเบนแหวกวายอยู่ในน้ำ 2 ตัวด้วยนะคะ มีเก้าอี้ริมสระวางเรียง ให้นอนอาบแดด หรือ นั่งพักชิลๆ ก็ได้ มีโซฟาเดย์เบดแบบเอ้าท์ดอร์ ให้นอนเล่น ผ่อนคลายอารมณ์ และนอกเหนือจากนี้ยังมีโซฟาเดย์เบดแบบชิงช้าที่แขวนอยู่กับต้นไม้ ลอยเหนือสระว่ายน้ำส่วนเตี้ย บรรยากาศดี น่านั่งเล่นชิลๆ ทีเดียวเลยล่ะ

ถัดมาเป็นโซน The Beach ตรงจุดนี้เป็นสระว่ายน้ำที่อยู่ส่วนตรงกลาง มีสถานที่อำนวยความสะดวกในบริเวณนี้อย่าง Common Room พื้นที่ส่วนกลางที่เป็นห้องโถงนั่งเล่นให้พักผ่อน หรือ ทำกิจกรรมต่างๆ ลูกบ้านสามารถออกมาใช้บริการได้ตลอดเวลา มีโต๊ะสนุกเกอร์ให้เล่นสนุก ชมโทรทัศน์ หรือ หาหนังสือมาอ่านเพลินๆ รับประทานอาหารก็ได้

มีบันไดวนจากห้อง Common Room พาขึ้นสู่สะพานทางเชื่อมของตัวอาคาร ซึ่งอยู่เหนือสระว่ายน้ำส่วน The Beach ตรงนี้ด้วยนะ

ถ้าเดินออกจากบริเวณห้อง Common Room ซึ่งจะอยู่ในอาคาร H มองไปยังบริเวณอาคาร A จะมองเห็นศาลายื่นออกมาทางสระว่ายน้ำ เป็นจุดชมวิวและพักผ่อนอีกแห่งของตัวโครงการ มองเห็นสระน้ำล้นในโซน The Cliff ด้วยค่ะ

บริเวณสระว่ายน้ำในโซนนี้ โดดเด่น เหมือนอยู่บนชายหาด มีเก้าอี้สไตล์ Sunken Seat ตกแต่งอยู่บริเวณสระว่ายน้ำ ซึ่งเป็นเก้าอี้แบบหลุมลดระดับลงไปจากผิวน้ำ มีการทำทางเดินเชื่อมให้สำหรับผู้ที่ไม่ได้ว่ายน้ำเข้ามานั่งพักผ่อน พูดคุยกันด้วยค่ะ หรือ หากใครอยากพายเรือแคนู ก็สามารถพายเล่นได้ด้วยนะ ที่นี่เขามีให้บริการอยู่ พร้อมเสื้อชูชีพและหมวกกันน็อก บรรยากาศส่วนนี้เหมือนกำลังพักผ่อนเกาะส่วนตัว หรือ พักในรีสอร์ตริมทะเลที่สวยงามมากกว่าจะนึกว่าเป็นพื้นที่ส่วนกลางของคอนโดฯ ซะอีก

ต่อจากพื้นที่โซน The Beach จะคือโซนส่วนกลางที่มีชื่อว่า The Cliff บริเวณนี้จะมีสระน้ำล้นจากด้านบนลงมายังด้านล่าง คล้ายน้ำตกด้วยล่ะค่ะ มีสระว่ายน้ำที่เชื่อมมาจากโซน The Beach เก้าอี้พักผ่อนริมสระ โซฟาเดย์เบดแบบเอ้าท์ดอร์เช่นเดียวกัน และมีห้องฟิตเนส ซึ่งจะรวมเครื่องออกกำลังกายต่างๆ ให้ใช้บริการ อีกทั้งเร็วๆ นี้จะมีนวดแผนไทยเข้ามาให้บริการลูกบ้านได้นวดคลายเส้น คลายความเมื่อยล้ากันด้วยค่ะ

นอกจากนี้ พื้นที่บริเวณโซนนี้ระยะทางรอบสระว่ายน้ำประมาณ 500 เมตร ทางอนันดาฯ ก็ได้ทำให้เป็นพื้นที่สำหรับวิ่งจ็อกกิ่ง ออกกำลังกายให้กับลูกบ้านด้วย โดยบริเวณพื้นที่วิ่งนั้น จะทำทางวิ่งให้ลดระดับลงมาจากพื้นปกติเล็กน้อย และมีม้านั่งอยู่ตามข้างทาง เมื่อใดที่ลูกบ้านเหนื่อยจากการวิ่ง ก็สามารถนั่งพักผ่อนบนม้านั่งได้เลย

บนตัวอาคารห้องฟิตเนสยังเป็นเลานจ์สำหรับพักผ่อน พูดคุย ชมวิวของโครงการสวยๆ มองไปยังโซน The Beach ได้อีกด้วยล่ะค่ะ

– ห้องพักตัวอย่างภายในคอนโด ฯ

ถัดจากการชมพื้นที่สวนกลางที่สวยงาม ราวกับเป็นเกาะ แถมยังอลังการงานสร้าง คุ้มค่ากันแล้ว เราก็จะพาคุณไปรีวิวชมห้องพักตัวอย่างภายในโครงการ Elio Del Ray นี้กันดูต่อค่ะ ซึ่งในวันนี้ เราจะพาชมไปห้องพักตัวอย่างด้วยกันทั้งหมด 3 ขนาด คือ

1. ห้องพักแบบสตูดิโอ 1 เตียงนอน ขนาด 24 ตร.ม.
2. ห้องพัก 1 เตียงนอน ขนาด 26 ตร.ม.
3. ห้องพัก 1 เตียงนอน ขนาด 34 ตร.ม.

ต่อจากนี้เรามาเริ่มชมรีวิวห้องพักตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนขนาดใหญ่ของโครงการนี้กันเลยดีกว่าค่ะ ไฮไลท์อีกตัวที่เราเชื่อว่าทุกคนกำลังรอคอยชมกันอยู่

ห้องพักแบบสตูดิโอ 1 เตียงนอน ขนาด 24 ตร.ม.

เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอกับส่วนของครัวอยู่ทางด้านซ้ายของประตู ด้านขวาเป็นห้องน้ำ ซึ่งมีขนาดความกว้างของห้องน้ำประมาณ 1.80×2.10 เมตร ภายในมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์ อาทิ ชุดครัว, เตียงนอน, โซฟา, โต๊ะรับประทานอาหารแบบขนาด 2 คน, โต๊ะวางโทรทัศน์, โซฟานั่งเล่น, โต๊ะกาแฟ, ตู้เสื้อผ้า เป็นต้น

เนื่องจากห้องสตูดิโอ เป็นห้องที่มีขนาดเล็กที่สุดในโครงการนี้ ทางอนันดาฯ ก็ได้ออกแบบเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์จาก SB Design เลือกแบบเฟอร์นิเจอร์แบบที่มีฟังก์ชั่น เพื่อช่วยเพิ่มพื้นที่ในห้องให้มากขึ้น โต๊ะรับประทานอาหารเลือกใช้แบบที่สามารถพับเก็บเข้าไปด้านในโต๊ะวางโทรทัศน์ได้ เมื่อต้องการใช้งาน คุณก็ดึงออกมากางเป็นโต๊ะ เมื่อไม่ต้องการใช้งาน เก็บเข้าไปแบบเดิม ก็จะทำให้ห้องดูโปร่งสบายตาขึ้นอีก

ตัวโต๊ะกาแฟตรงกลางหน้าโซฟานั่งเล่น ก็เลือกใช้ที่มีฟังก์ชั่นสามารถยกเปิดฝาโต๊ะขึ้นได้ เพื่อเก็บของด้านในได้ด้วยค่ะ

ส่วนการตกแต่งภายในห้องตัวอย่างห้องนี้ ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นร่วมสมัย เน้นโทนสีเทา ร่วมกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ เข้ามาเจอส่วนของครัว เดินตรงมาอีกนิดเป็นส่วนของโซฟานั่งเล่นและมุมรับประทานอาหาร แล้วจึงจะมาเป็นส่วนของเตียงนอนค่ะ ด้านนอกมีระเบียงสำหรับออกไปตากเสื้อผ้าหรือยืนรับลมเย็นๆ ชมวิวก็ได้

ห้องพัก 1 เตียงนอน ขนาด 26 ตร.ม.

ถัดจากห้องพักแบบสตูดิโอขนาด 24 ตร.ม. จะเป็นห้องตัวอย่างขนาด 26 ตร.ม. แบบ 1 เตียงนอนค่ะ เข้าประตูมาจะเจอกับบริเวณโซฟานั่งเล่นด้านซ้ายมือ ทางขวาหลังประตูจะเป็นโต๊ะวางโทรทัศน์ ถัดเข้าไปเป็นส่วนของโต๊ะรับประทานอาหาร เตียงนอน และมีโต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้าอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเตียงค่ะ

สำหรับห้อง 26 ตร.ม. แบบแปลนทางอนันดาฯ แบ่งออกเป็นสองฝั่งของห้อง มีกำแพงกั้นอีกส่วนหนึ่ง แต่ไม่มีประตู ทำให้ดูโปร่ง สบายตามากขึ้น ด้านในพื้นที่ส่วนนี้ที่แยกออกมาจากบริเวณแรก จะเป็นส่วนของครัว ตู้เก็บของ และห้องน้ำขนาด 1.20×2.20 เมตรโดยประมาณ

เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องที่มาพร้อมกับการเป็นเจ้าของห้องนี้เลยทันทีก็คือ คุณจะได้เฟอร์นิเจอร์จาก SB Design จะแถมเฟอร์นิเจอร์เหมือนกับห้องขนาด 24 ตร.ม. หลายชิ้นอยู่ค่ะ ทั้งเตียงนอน โซฟา โต๊ะกาแฟ แต่ก็จะมีอีกหลายชิ้นที่แตกต่าง คือ โต๊ะรับประทานอาหารของห้อง 26 ตร.ม. จะแยกออกมาจากตัวโต๊ะวางโทรทัศน์อย่างชัดเจน ไม่สามารถพับเก็บได้เหมือนกับห้อง 24 ตร.ม. มีโต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เก็บของเพิ่มเติมขึ้นมา ส่วนบริเวณระเบียงของห้องนั้นมีเหมือนกัน สามารถเปิดออกไปได้เช่นเดียวกันค่ะ แต่ขนาดระเบียงแต่ละห้องนั้นอาจไม่เท่ากัน ขึ้นกับที่ตั้งของห้องด้วยนะคะ มีคอมเพรสเซอร์ตั้งอยู่ด้านบนตะแกรงอีกที ไม่ได้วางที่พื้นระเบียงค่ะ

ห้องพัก 1 เตียงนอน ขนาด 34 ตร.ม.

ห้องตัวอย่างขนาดสุดท้ายที่เราจะพาคุณไปชมกันค่ะ คือห้องขนาด 34 ตร.ม. มี 1 เตียงนอน สำหรับห้องนี้ เมื่อเข้าประตูมาจะเจอกับส่วนของครัวก่อน ใกล้กันเป็นมุมโต๊ะรับประทานอาหาร และ โซฟานั่งเล่นกับโต๊ะวางโทรทัศน์ มีประตูกั้นห้องเข้าไปอีกห้องหนึ่ง เป็นส่วนของห้องน้ำขนาดประมาณ 1.20×2.50 เมตร และห้องนอน มีเตียงนอนเดย์เบดนอนเล่นสบายๆ ข้างเตียงหลัก โต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เสื้อผ้า

เฟอร์นิเจอร์ที่ได้มาพร้อมกับการเป็นเจ้าของห้องพักขนาดนี้คือ โต๊ะรับประทานอาหาร, โต๊ะวางโทรทัศน์, โซฟา, โต๊ะกาแฟ, โต๊ะเครื่องแป้ง, ตู้เก็บของ, ชุดครัว, ตู้เสื้อผ้า, เตียงนอน, เตียงเดย์เบดสำหรับนอนเล่น

มีระเบียงเช่นเดียวกับห้องทั้งสองขนาดที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ แต่ขนาดระเบียงอาจจะแตกต่างกัน จุดนี้ขึ้นกับทำเลที่ตั้งและขนาดของห้องด้วยค่ะ

เป็นอย่างไรบ้างคะ หลังจากได้ชมรีวิวเจาะลึกแบบจัดเต็ม คิดว่าคอนโดฯ Elio Del Ray สำหรับคุณชอบกันหรือเปล่าเอ่ย… ใครที่กำลังมองหาคอนโดมิเนียมสวย ราคาไม่แพง ทำเลดี ใกล้รถไฟฟ้าล่ะก็ โครงการนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียวเลยนะคะ เจอพื้นที่ส่วนกลางเข้าไปก็ประทับใจกันไปเกินครึ่งแล้ว สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในโครงการอย่างซูปเปอร์มาร์เก็ต MaxValu Tanjai และ True Coffee ก็เป็นอีกตัวแปรที่ทำให้โครงการนี้น่าอยู่มากขึ้น

แถมขอบอกว่าคอนโดมิเนียม Elio Del Ray โครงการจากอนันดาฯ แห่งนี้ มีราคาเริ่มต้นเพียงแค่ 1.62 ล้านบาท แถมยังมีส่วนลดอีกมากมายด้วยนะคะ มัดจำแค่ 10,000 บาท และทำสัญญา 20,000 บาทเท่านั้นเองค่ะ ไม่แพง แต่คุ้มค่า ค่าส่วนกลาง 45 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งอนันดาฯ ให้ฟรีทันที 1 ปีแรก ไม่ต้องจ่ายส่วนกลางอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งจะเก็บเพียงครั้งเดียวเท่านั้นค่ะ ใครที่กำลังมองหาคอนโดมิเนียมที่ช่วยให้คล่องตัว สะดวกรวดเร็วในการเดินทางไปสถานที่ต่างๆ ลองแวะเข้ามาชมโครงการนี้กันดูค่ะ

สรุปรายละเอียดข้อมูลโครงการ Elio Del Ray
พื้นที่โครงการโดยประมาณ : 16-2-17.7 ไร่
พื้นที่ส่วนกลาง : 4 ไร่
พื้นที่วิ่งจ็อกกิ่ง : ประมาณ 500 เมตร
ราคาเริ่มต้น : 1.62 ล้านบาท พร้อมส่วนลดมากมาย
ค่ามัดจำการจอง : 10,000 บาท
ค่าทำสัญญา : 20,000 บาท
ค่าส่วนกลาง : 45 บาทต่อตารางเมตร (ซึ่งตอนนี้ฟรีค่าส่วนกลาง 1 ปีแรกด้วยค่ะ)
ค่ากองทุน : 500 บาทต่อตารางเมตร (เก็บเพียงครั้งเดียว)
จำนวนยูนิต : 1634 ยูนิต
จำนวนยูนิตสำหรับอยู่อาศัย : 1630 ยูนิต
จำนวนยูนิตสำหรับร้านค้า : 4 ยูนิต
จำนวนอาคารทั้งหมด : 8 อาคาร
จำนวนชั้น : 8 ชั้น
จำนวนยูนิตอาคาร A : 207 ห้อง (รวมห้องร้านค้า)
จำนวนยูนิตอาคาร B : 206 ห้อง
จำนวนยูนิตอาคาร C : 126 ห้อง
จำนวนยูนิตอาคาร D : 154 ห้อง
จำนวนยูนิตอาคาร E : 258 ห้อง
จำนวนยูนิตอาคาร F : 289 ห้อง
จำนวนยูนิตอาคาร G : 224 ห้อง
จำนวนยูนิตอาคาร H : 170 ห้อง
จำนวนที่จอดรถ : 544 คัน
ลิฟต์โดยสาร (ต่ออาคาร) : 2 ตัว
ลิฟต์ฉุกเฉิน (ต่ออาคาร) : ไม่มี

สิ่งอำนวยความสะดวก
• สระว่ายน้ำ
• ห้องออกกำลังกาย พร้อมอุปกรณ์
• ห้องล๊อคเกอร์ 2
• ศาลา
• Kid Corner
• สวนส่วนกลาง
• ระบบรักษาความปลอดภัย CCTV
• ระบบผ่านเข้า-ออกโครงการ key card access

ชมภาพทั้งหมดได้ที่ Gallery ภาพด้านล่างนี้ค่ะ