วันนี้เราจะพาคุณไปชมบ้านโบราณที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของภูเก็ตในอดีตที่น่าจดจำ คุณควรจะหาโอกาสไปเที่ยวชมสถานที่แห่งนี้กันนะคะ บ้านที่ว่านั่นก็คือ “บ้านชินประชา” ค่ะ ซึ่งเป็นบ้านแบบ Mansion (บ้านที่มีอาณาเขต มีพื้นที่และมีรั้วล้อมรอบ) ที่มีการตกแต่งสไตล์ชิโน-โปรตุกีสหลังแรกของจังหวัดภูเก็ตในรัชสมัยช่วงปลายรัชกาลที่ 5 หากใครเคยไปเที่ยวจังหวัดภูเก็ตคงเคยได้ยินชื่อบ้านเก่ากว่าร้อยปีอย่างบ้านชินประชากันเป็นแน่ หรือหากบางคนยังไม่เคยรู้จักบ้านหลังนี้ เรากำลังจะพาคุณไปทำความรู้จักบ้านหลังนี้กันอย่างถ่องแท้ทีเดียวเชียวค่ะ
บ้านชินประชานั้นเป็นบ้านที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2446 (ค.ศ. 1903) หรือในปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 5 โดยพระพิทักษ์ชินประชา (ตันม่าเสียง) ซึ่งเมื่อพระพิทักษ์ชินประชามีอายุได้ 20 ปี ท่านก็ได้สร้างบ้านชินประชาหลังนี้ตามแบบ “ชิโน-โปรตุกีส” คำว่า “ชิโน” ในที่นี้นั้นมีความหมายแปลว่าจีน และ “โปรตุกีส” ในที่นี้ความหมายแปลว่าโรมันหรือยุโรป ซึ่งบ้านชินประชานั้นมีสไตล์แบบชิโน-โปรตุกีสเป็นหลังแรกของจังหวัดภูเก็ตหรือที่เรียกกันว่า “อังม่อเหลา”
ที่มาของความหมายของคำว่า “อังม่อเหลา” ที่เป็นชื่อเรียกของบ้านชินประชานั้นมาจาก คำว่า “อัง ที่หมายถึง สีแดง” คำว่า “ม่อ ที่หมายถึง ผม” และ คำว่า “เหลา ที่หมายถึง ตึกสไตล์ฝรั่ง” ซึ่งเมื่อนำมารวมกันแล้วจะกลายเป็นคำว่า “อังม่อเหลา” ที่แปลได้อย่างตรงตัวเลยว่าเป็นบ้านแบบสไตล์ฝรั่งผมแดงนั่นเองค่ะ
การตกแต่งภายในของบ้านเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ กลิ่นอายของวัฒนธรรมที่ผสมกันระหว่างจีนและโรมัน (หรือที่เราชอบเรียกว่ายุโรป) เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษเมืองจีน วัสดุส่วนอื่นของบ้านนั้น ส่วนใหญ่นำเข้ามาจากต่างประเทศ (โดยส่วนใหญ่ผ่านมาจากทางปีนัง) เช่น รั้วบ้านจากฮอลแลนด์ กระเบื้องปูพื้นจากอิตาลี ฯลฯ เนื่องจากสมัยนั้นเรื่องการค้าขายทางเรือผ่านเกาะปีนังมายังภูเก็ตนั้นมีความเฟื่องฟูมากเพราะเป็นคนจีนฮอกเกี้ยนเหมือนกัน
เราไปชมภาพสวยๆ จากบ้านชินประชากันเลยดีกว่า…
ก่อนเข้าตัวบ้านเราจะเห็นรถลากสีแดงโดดเด่นแบบสมัยโบราณตั้งอยู่เรียงราย รถลากเหล่านี้เป็นรถลากสำหรับงานแต่งงาน เนื่องจากบ้านชินประชานั้นจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมของภูเก็ตหลายงาน อาทิเช่น เป็นสถานที่จำลองการจัดงานแต่งงานแบบจีนโบราณผสมผสานรูปแบบพื้นเมืองภูเก็ตแบบบาบ๋า-ย่าหยาที่เป็นการแต่งกายแบบจีนผสมมลายูให้เราชมมากมายอีกด้วยล่ะค่ะ
การตกแต่งนั้นเต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์จากจีนและยุโรป แสดงถึงความมีรสนิยมและเป็นคนทันสมัยในช่วงสมัยนั้นของพระพิทักษ์ชินประชา
บริเวณกลางบ้านนั้นเปิดโล่งให้ระบายอากาศ ตรงกลางมีบ่อน้ำเล็กๆ ตกแต่งด้วยดอกไม้ที่ลอยอยู่บนผืนน้ำสีสันสดใสและต้นไม้สีเขียวที่ถูกจัดเป็นสวนสวยขนาดย่อมอยู่บริเวณเกือบกลางบ่อน้ำ เมื่อมองลอดผ่านเพดานโค้งเข้าไปด้านในจะเห็นบริเวณรับประทานอาหาร
ห้องรับประทานอาหารตกแต่งด้วยโต๊ะตัวยาว ล้อมรอบด้วยเก้าอี้ ซึ่งเป็นเฟอร์นิเจอร์นำเข้าจากปีนังในสมัยนั้น
ใต้บันไดนั้นตกแต่งเป็นมุมพักผ่อนเล็กๆ สวยงาม โต๊ะกระจกที่ทำขึ้นจากอ่าง ด้านบนประดับดอกไม้ตกแต่ง เก้าอี้แบบจีนโบราณขนาบข้างให้พักผ่อนนั้นก็เข้ากันกับตัวฐานใต้บันไดที่มีลวดลายทองอร่ามสวยงาม
พื้นที่สำหรับตั้งแท่นบูชาและรูปภาพความทรงจำต่างๆ ในอดีตของบ้านชินประชาหลังนี้ ถูกจัดแสดงติดอยู่บนกำแพงสีขาวเรียงรายเต็มไปหมด ด้านหน้ารูปภาพจำนวนมากนั้นเป็นม้านั่งตัวยาวแบบจีนโบราณที่หันหลังเข้ากับกำแพงอีกด้านหนึ่ง มองไปข้างๆ กันนั้นจะเห็นผ้าม่านสีแดงสดพาเข้าสู่ห้องนอนห้องหนึ่ง ซึ่งมีการตกแต่งอย่างสวยงามแบบโบราณ มีเตียงนอนสี่เสาสำหรับเด็กสีขาวตั้งอยู่ริมกำแพงด้านหนึ่งในห้อง และโต๊ะเครื่องแป้งข้างเตียงนั้นก็มีรูปลักษณ์ที่คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์สวยๆ ของจีน
พื้นที่บริเวณห้องครัวที่อยู่ทางด้านหลังของบ้านนั้นตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยอุปกรณ์ครัวต่างๆ ที่ใช้กันในสมัยอดีต ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเฟอร์นิเจอร์และเครื่องครัวใดๆ แต่กลับคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์และสิ่งที่เคยเป็นมาในอดีต เพื่อให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้ทราบถึงอดีตและวัฒนธรรมที่เคยเป็นมา
มุมหนึ่งของบ้านตกแต่งด้วยหน้าต่างแบบบานพับ ด้านหน้าตกแต่งด้วยโต๊ะไม้สีน้ำตาลเข้มปูทับด้วยผ้าสีขาวลายฉลุสวยงาม ด้านข้างขนาบด้วยเก้าอี้แบบจีนโบราณ และด้านบนโต๊ะกลมนั้นตกแต่งด้วยอ่างลายครามที่มีดอกไม้ลอยอยู่บนผืนน้ำ เป็นมุมพักผ่อนอีกมุมหนึ่งที่สวยงามมาก
นี่เป็นลายพื้นกระเบื้องที่สั่งนำเข้าจากประเทศอิตาลี ในสมัยที่มีการค้ากับปีนังอย่างเฟื่องฟู มีการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศทางเรือเป็นจำนวนมาก
ไม่เพียงแต่การตกแต่งที่ควรค่าแก่การพาเรามาชมสถานที่แห่งนี้อย่างบ้านชินประชาแล้วนั้น ยังมีมรดกวัฒนธรรมเรื่องการแต่งกายอย่างชุดบาบ๋าและย่าหยา ทีเป็นเครื่องแต่งกายแบบจีนผสมมลายูอีกด้วย ที่บ้านชินประชานั้นมีชุดเครื่องแต่งกายบาบ๋าและย่าหยาอยู่จำนวนหนึ่ง จัดแสดงให้ผู้เข้าชมได้เข้ามาชมและมีให้เช่าด้วยค่ะ มีหลายคนเข้ามาที่นี่เพื่อแต่งเครื่องแต่งกายเหล่านี้ถ่ายภาพประกอบพิธีแต่งงานแบบภูเก็ต ซึ่งทั้งชุดบาบ๋าและย่าหยานั้น ต่างก็เป็นชุดที่สวยงามมากๆ เลยล่ะค่ะ
ปัจจุบันบ้านชินประชานั้นมีอายุกว่า 108 ปีแล้ว และมีลูกหลานนับเนื่องเป็นรุ่นที่ 6 แล้วด้วยเช่นกัน สำหรับการเข้าชมนั้น ทางบ้านชินประชาได้ เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 8.00-16.00 น. โดยมีค่าเข้าชม 100 บาท สำหรับคนไทย และ 150 บาท สำหรับชาวต่างชาติ
หากใครสนใจจะเข้าชมบ้านหลังนี้สามารถติดต่อเข้าชมบ้านชินประชาได้ตามที่อยู่และเบอร์โทร. ต่อไปนี้ได้เลยค่ะ 98 ถ.กระบี่ ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต 83000 หรือ ติดต่อทาง โทรศัพท์เบอร์ 076 – 211281, 211167
นี่เป็นบ้านที่ควรจะหาโอกาสไปเที่ยวให้ได้อย่างน้อยสักครั้งนะคะ สถานที่ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อย่างบ้านชินประชานั้นตั้งอยู่ในประเทศไทยของเรานี่เอง ไม่ได้ไกลเลยล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นหากมีโอกาสเราควรจะไปชมบ้านหลังนี้กันนะคะ บ้านนี้ยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายมรดกและวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าแห่งการแวะชม อีกทั้งเราจะได้เห็นการตกแต่งในสมัยโบราณที่แทบจะหายากจริงๆ ในสมัยนี้ แต่บ้านชินประชาก็ยังเก็บรักษาความเป็นเอกลักษณ์และสไตล์การตกแต่งเหล่านั้นเอาไว้ให้รุ่นลูกรุ่นหลานอย่างเราๆ ไปชมกันอยู่ แล้วทำไมเราจะไม่หาโอกาสไปชมบ้านชินประชากันล่ะค่ะ จริงไหม…
ใครที่กำลังจะไปเที่ยวภูเก็ตหรือมีแพลนเอาไว้ ก็อย่าลืมกาแพลนลงไปเยี่ยมชมบ้านชินประชาอีกสถานที่หนึ่งนะคะ