อะโวคาโด เป็นผลไม้ที่มีอุดมไปด้วยแร่ธาตุและสารอาหารที่จำเป็น มีโปรตีนสูง และมีไขมันดี ซึ่งช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอลตัวดี และลดคอเลสเตอรอลตัวร้าย แถมอะโวคาโดยังเป็นผลไม้ที่ไม่มีรสหวานอีกด้วย อุดมไปด้วยวิตามินอี มีประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นอาหารเพื่อสุขภาพอย่างหนึ่งที่หลายคนนิยมนำมารับประทาน จะกินแบบเปล่าๆทำใส่ในสลัด หรือ ซูชิ ก็อร่อยไม่แพ้กัน รสชาติหอมๆ มันๆ นอกจากทำเป็นอาหาร ยังทำเป็นครีมบำรุง สูตรหมักผม และอื่นๆ ได้มากมาย อะโวคาโดมีข้อเสียอยู่อย่างเดียวคือราคาอะโวคาโดลูกหนึ่งค่อนข้างแพง อยู่ที่ประมาณเกือบร้อยหรือเกินร้อยมาสักนิด ซึ่งไม่ใช่ราคาถูกๆ สำหรับผลไม้ปกติทั่วไป
สีผิวภายนอกของอะโวคาโดแต่ละพันธุ์มีสีที่แตกต่างกันไป อาจจะเป็นสีเขียวหรือเข้มคล้ำจนถึงสีน้ำตาล ลักษณะผิวขรุขระ ภายในมีเนื้อผลไม้สีเขียวอ่อน และมีเมล็ดใหญ่ตรงกลาง ซึ่งแน่นอนว่าสีผิวผลไม้ หากเป็นสีเข้มก็ดูยากซะขนาดนี้ ใครจะรู้ว่าอะโวคาโดสุกหรือยัง ลูกล่ะตั้งเป็นร้อย ถ้าเผลอลืม ไม่ได้รับประทาน ปรากฏว่าเสีย ว่าเน่า ก็แย่เลยทีเดียว วันนี้เราเลยมีเคล็ดลับง่ายๆ ในการดูให้รู้ว่าอะโวคาโดสุกพร้อมกินแล้วหรือยังมาฝากให้ได้ชมกันค่ะ จะได้ไม่ต้องกลัวเสียของ ซื้อผลไม้เพื่อสุขภาพ ลงทุนแล้ว ต้องอย่าปล่อยให้เน่า ให้เสียกันไปนะคะ ว่าแล้วใครที่ชอบทานอะโวคาโด หรือ กำลังอยากลองทานกันอยู่ ก็มาดูเคล็ดลับง่ายๆ นี้กันเลยค่า
นอกเหนือจากการกดที่ผิวของอะโวคาโดว่าแข็งหรือไม่ เพื่อดูว่าพร้อมรับประทานหรือยัง หากแข็งอยู่ คือยังไม่พร้อมรับประทาน อีกวิธีก็คือการดูที่ขั้วของอะโวคาโดนั่นเอง อะโวคาโดจะมีขั้วอยู่ด้านบน เมื่อเราแกะขั้วออก หากเห็นเป็นสีคล้ำมากๆ แสดงว่าอะโวคาโดนั้นสุกเกินไป ไม่เหมาะที่จะรับประทานแล้วล่ะ แต่ถ้าแกะขั้วออกแล้วเห็นเป็นสีเหลืองๆ นวลๆ แสดงว่าพร้อมรับประทานได้ นั่นแสดงว่าสุกพร้อมกินแล้วค่า
อย่างไรก็ตาม เคล็ดลับที่เรานำมาฝากในวันนี้เป็นเพียงอีกหนึ่งเคล็ดลับที่น่าสนใจ แต่หากว่าคุณชอบวิธีการกดผิวสัมผัสผลอะโวคาโดมากกว่า ก็สามารถใช้วิธีนั้นในการดูว่าสุกหรือไม่แทนก็ได้นะคะ เราก็หวังว่าเคล็ดลับทั้งสองนี้ จะมีประโยชน์ให้กับทุกคนที่ชอบทานอะโวคาโดกันไม่มากก็น้อยนะคะ นอกจากเคล็ดลับดีๆ แล้วเรายังมีอาหารน่ารับประทานที่นำเอาอะโวคาโดมาเป็นส่วนประกอบมาฝากให้ได้ชมเป็นไอเดียด้วยนะคะ ลองไปชมกันดูสิคะ แต่ละอย่างน่าประทานทั้งนั้นเลย