ขอเกริ่นก่อน คือช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีโอกาสได้ไปเที่ยวต่างประเทศกับที่บ้าน เราก็เลือกนั่งสายการบิน Air Asia กันไป ทีนี้นั่งเครื่องนานๆ มันก็เบื่อไง ไม่รู้จะทำไร เราก็เลยเอาพวกเอกสารที่เสียบหน้าที่นั่งมาอ่านเล่นไปพลางๆ แล้วก็ไปโป๊ะกับเมนูของสินค้า Duty Free เข้าให้ เห็นแล้วจะรออะไรล่ะ เปิดสิ ดูสิจ๊ะ จนไปเจอ 2 สิ่งที่วันนี้เก็บมารีวิวให้ชมนี่แหละ ซึ่งนั่นก็คือ…
คอลเลคชั่น Lip Balm จากแบรนด์ Coke และ Pepsi นั่นเอง คือแบบเห็นแล้วมันน่ารักมุ้งมิ้งมาก แต่จะเลือกแค่แบรนด์เดียวก็ไม่ได้อีก เหมือนรักพี่เสียดายน้องยังไงไม่รู้ สุดท้ายก็คว้ามันมาเลยจ้าทั้งสองเซ็ท ช็อปมันตั้งแต่อยู่บนเครื่องบินเลยนี่แหละ
Lip Balm ของ Coke มีชื่อเต็มๆ คือ “Lip SMACKER Lip Balm Coca-Cola Tin” มาในรูปแบบแท่งลิปมันปกติ แต่มีด้วยกันถึง 6 แบบ แบ่งเป็นรสชาติต่างๆ ตามน้ำอัดลมจริงๆ ของแบรนด์นี้ คือ โค้กรสออริจินัล, โค้กรสวานิลลา, โค้กรสเชอร์รี่, สไปร์ท, แฟนต้าน้ำส้ม, แฟนต้าสตรอเบอร์รี่ (น้ำแดง)
มาดู Lip Balm ของ Pepsi กันบ้าง มีชื่อเต็มๆ คือ “Pepsi Vending Tin 5 Pack” ลิปมันจะมาในแบบลักษณะเป็นกระป๋องน้ำอัดลม มีด้วยกัน 5 แท่ง แต่ 4 รสชาติ เพราะมีรสชาติหนึ่ง มี 2 แท่ง ซึ่งจะแบ่งเป็นรส Cherry (2 แท่ง) , Cherry Vanilla, Diet Pepsi, Mountan Dew ที่เหลือจะอย่างละ 1 แท่ง
ว่าแล้วก็อย่ารอช้า เกริ่นมาเยอะล่ะ ด้วยความเห่อ มารีวิวกันเลยดีกว่า ในที่นี้จะขอรีวิวไล่ตามหัวข้อทั้งหมด 4 หัวข้อนะจ๊ะ เริ่มที่แพคเกจ+การใช้งาน, กลิ่น+ความชุ่มชื้น, ราคา+ความคุ้มค่า, การหาซื้อ นะคะ ไปดูกันทีละหัวข้อเลย จัดเต็มสุดๆ นะงานนี้
1.แพคเกจ +การใช้งาน
Coke – แพคเกจมาในรูปแบบกล่องสีแดง เหมือนกระป๋องโค้ก เป็นกล่องเหล็ก เงาวับสวยตามท้องเรื่อง แต่ข้อเสียคือเปิดค่อนข้างยาก อาจเพราะว่าไม่ใช่กล่องเหล็กสี่เหลี่ยม วงกลมด้วยมั้ง เพราะมีลักษณะคอดเข้าไปเหมือนกระป๋องน้ำอัดลมไรแบบนี้ เลยเปิดค่อนข้างยากไปหน่อย แต่ถ้าคิดอีกแง่ก็สามารถเก็บลิปได้ชัวร์ ไม่ต้องกลัวฝาปิดไม่สนิทนะจ๊ะงานนี้
พูดถึงการใช้งาน มาในแบบแท่งลิปมันทั่วไป หยิบจับง่าย ใช้งานง่ายและเวลาทาก็พอดีกับริมฝีปาก ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป
Pepsi – แพคเกจมาในรูปแบบกล่องสี่เหลี่ยม เป็นกล่องเหล็กเหมือนกัน ด้านหน้ากล่องจะใส มองเห็นด้านในกล่อง เพราะออกแบบมาในรูปแบบตู้กดน้ำอัดลม ทำให้ด้านในจะมองเห็นลิปมันที่มาในแบบกระป๋อง ดูแล้วเหมือนกำลังเก็บตู้น้ำอัดลมย่อส่วนมากกว่า เก๋ไม่เบาเลย ที่สำคัญคือเปิดง่ายมาก คล้ายกับกล่องเหล็กทั่วๆ ไป
การใช้งานมาในแบบกระป๋องน้ำอัดลม ขนาดค่อนข้างอ้วนและสั้น ดูเก๋ เมื่อไม่ได้เปิดฝา แต่เมื่อเปิดฝาใช้งานแล้วล่ะก็ ลำบากทีเดียว เพราะต้องค่อยๆ แกะกระดาษที่ครอบคลุมบริเวณฝาให้ดี ไม่อย่างนั้นจะทำให้กระดาษขาดและไม่เรียบตรง ทำให้ดูไม่สวยไปเลยทันทีแหละ (ต้องประณีตเวลาแกะหน่อยนะคะ จะฉีกเลยทันทีไม่ได้นะจ๊ะ เสียของสุดๆ) ตอนจะใช้งานจริงๆ ก็หยิบจับลำบาก เพราะหน้าตัดของลิปใหญ่ไป เวลาทาจึงค่อนข้างเลยริมฝีปาก ซึ่งถือว่าไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ในจุดนี้
Coke – พูดถึงกลิ่นก่อนนะ ลิปมันของโค้กทุกแท่งจะกลิ่นชัดเจนมาก เปิดฝาออกปุ๊ป คือดมแล้วรู้เลยว่านั่นรสชาติอะไร เพราะทำออกมาเหมือนกลิ่นของน้ำอัดลมในกระป๋องจริงๆ กลิ่นมาเต็มมาก โค้กเป็นโค้ก โค้กวานิลลาก็มีกลิ่นวานิลลาอ่อนๆ โค้กเชอร์รี่ก็มีกลิ่นเชอร์รี่ผสม คือแบบถ้าใครเคยดื่มโค้กรสชาติเหล่านี้ จะแบบเฮ้ย มันเหมือนมาก แถมพวกสไปร์ท แฟนต้าน้ำส้มกับสตรอเบอร์รี่ คือดีงาม รู้สึกเหมือนแค่ทาก็ได้ดื่มน้ำอัดลมเหล่านี้ซะแล้ว เรื่องความชุ่มชื้นก็โอเคเลย ทาแล้วรู้สึกว่าชุ่มชื่นมากอยู่ ปากไม่ค่อยแห้งเท่าไหร่
Pepsi – กลิ่นของลิปมันของ Pepsi จะอ่อนๆ ซอฟต์กว่าของโค้กเยอะมาก ความเป็นเอกลักษณ์ของกลิ่นของแบรนด์เครื่องดื่มไม่โดดเด่นเท่าลิปมันของ Coke ดมเท่าไหร่ก็ไม่ได้กลิ่น บางแท่งได้กลิ่นอ่อนๆ แต่ก็ไม่ค่อยเหมือนกับต้นฉบับของน้ำอัดลมจริงๆ ส่วนเรื่องความชุ่มชื้นของ Pepsi จะรู้สึกว่าชุ่มชื้นน้อย ทาแล้วปากยังแห้งๆ อยู่ ตรงนี้ก็สำหรับลิปมัน Pepsi อาจจะยังทำออกมาไม่โอเคเท่าไหร่
3.ราคา+ความคุ้มค่า (หัวข้อนี้ขอรีวิวสองแบรนด์พร้อมกันเลยนะ)
Coke VS Pepsi ทั้งสองแบรนด์มีราคา 18 US$ หรือเงินไทยประมาณ 650 บาทต่อเซ็ท ราคาเท่ากัน
แบบนี้ต้องมาดูที่ปริมาณกันแล้ว…
Coke – ในเซ็ทจะได้ทั้งหมด 6 แท่ง รวมทั้งหมด 24 กรัม แท่งละ 4 กรัม
Pepsi – ในเซ็ทจะได้ทั้งหมด 5 แท่ง รวมทั้งหมด 15 กรัม แท่งละ 4.2 กรัม
ในแง่ของราคาเท่ากัน ปริมาณของ Coke จะน้อยกว่า Pepsi 0.2 กรัม แต่ก็ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะได้ความหลากหลายมากกว่า ซึ่งถือว่าคุ้มค่าทีเดียว เพราะแต่ละแท่ง มีปริมาณน้อยกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
4.ความยากง่ายในการหาซื้อ
Coke – ความยากในการหาซื้ออยู่ในแบบกลาง-สูง แบบบางคนที่ไปต่างประเทศ หรือ ตามร้านค้าเครื่องสำอาง วัตสันอะไรแบบนี้ก็เคยเห็นมีขายกันอยู่ ซึ่งจะหาตามร้านทั่วๆ ไปได้ไม่ยากมาก แต่ก็ไม่เกลื่อนตลาด จัดว่าอยู่ในระดับยากกลางๆ ถึงสูง
Pepsi – หายากมาก เรียกว่าเป็นแรร์ไอเท็มดีกว่า เพราะแพกเกจ Lip Balm เป็นเซ็ทแบบนี้ เป็น Limited Edition ที่ขายแค่บนไฟลท์บินเท่านั้น ซึ่งก็ไม่รู้สายการบินอื่นมีไหม หรือมีแค่ Air Asia เพราะเรานั่งสายการบินนี้ไง แบบนี้หมายความว่าคนที่จะซื้อได้จริงๆ ก็ต้องมีเที่ยวบินตลอด ถึงจะซื้อบนเครื่องได้ เพราะใน Duty Free เฉยๆ จะไม่มีขายอยู่ดี
สรุป
ถ้าอยากใช้งาน Lip SMACKER Lip Balm Coca-Cola Tin ของโค้กจะหลากหลายและเหมาะกับการใช้มากกว่า เพราะทั้งชุ่มชื้น มีจำนวนหลายแท่ง ขนาดให้หยิบใช้งานก็ง่ายกว่า แต่ถ้าของ Pepsi ก็จะถือว่าเป็นไอเท็มหายาก ที่น่าสะสม เพราะฉะนั้นถ้าเอาให้ดี ก็ซื้อมาทั้งสองเซ็ทแบบเรานี่แหละ จะดีที่สุดจ้า บอกตรงๆ อาการรักพี่เสียดายน้อง มันเลือกยากจริงๆ นะเธอ เพราะงั้นเหมามาเลยแบบเรา เก็บไว้สะสมคู่กันแบบนี้นี่แหละ มุ้งมิ้งที่สุด
มีโอกาสได้ไปเที่ยวโดยที่ไหนโดยสายการบินนี้ ก็ลองเปิดเมนู Duty Free ดูนะ นอกจาก Lip Balm 2 เซ็ทนี้ ยังมีเครื่องสำอางแบบเป็นเซ็ทที่จัดมาพิเศษสำหรับบนไฟล์ทบินอีกเพียบเลย 🙂
Copyright © jeab.com