เผยเคล็ดลับเจาะการตลาดและแบรนด์จากผู้หญิงเก่งแห่ง Mintel คุณวุ้น ปองสงวน จีระเดชากุล

 

ในปัจจุบันเสน่ห์ของผู้หญิงไม่ได้อยู่ความสวยแค่เพียงภายนอกเท่านั้น แต่การเป็นผู้หญิงที่เก่งและมีความสามารถรอบด้านกลายเป็นเสน่ห์ที่น่าค้นหามากกว่าภาพลักษณ์ภายนอกเสียอีก วันนี้เรามีโอกาสได้มาพูดคุยกับผู้หญิงที่เก่งรอบด้านอย่าง คุณวุ้น – คุณ ปองสงวน จีระเดชากุล” รองผู้อำนวยการฝ่ายงานวิจัยด้านไลฟ์สไตล์ ในประเทศอินเดียและประเทศไทย ของบริษัท Mintel ซึ่งบอกเลยว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เก่งรอบด้าน ซึ่งในวันนี้เราจะคุยกับเธอพร้อมแชร์ความรู้และเคล็ดลับการทำแบรนด์และการตลาด พร้อมบอกเทรนด์การตลาดที่มาแน่ในปีนี้ ว่าแต่จะได้เคล็ดลับอะไรบ้างนั้น ตามมาคุยกับเธอไปพร้อมกับเราเลย!

ทำความรู้จัก คุณวุ้น – คุณ ปองสงวน จีระเดชากุล แห่ง Mintel

คุณวุ้น ปองสงวน จีระเดชากุล รองผู้อำนวยการฝ่ายงานวิจัยด้านไลฟ์สไตล์ ในประเทศอินเดียและประเทศไทย ของบริษัท Mintel ซึ่งคุณวุ้นเล่าว่าเธอทำงานกับบริษัท Mintel มาประมาณ 3 ปีแล้ว แต่หากพูดถึงสายงานที่ทำ ตัวเธอนั้นทำงานด้านวิจัยการตลาดมา 8 ปี

แน่นอนเราเห็นว่าเธอเป็นถึงผู้รองผู้อำนวยการฝ่ายงานวิจัยของบริษัท Mintel เลยอยากทราบว่าไลฟ์สไตล์คนเก่งๆ แบบคุณวุ้นเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งคุณวุ้นได้เล่าว่า ไลฟ์สไตล์ของเธอนั้น แม้งานจะหนัก แต่เธอก็ยังหาเวลาในการทำสิ่งที่ชอบอยู่เสมอ

“สำหรับไลฟ์สไตล์ของวุ้นในตอนนี้ ถึงแม้จะใช้เวลาในการทำงานค่อนข้างเยอะ แต่วุ้นก็ยังพยายามหาเวลาทำสิ่งที่วุ้นชอบอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นไปยิมหลังเลิกงาน ไปตามล่าหาของอร่อยกินในวันหยุด ไปดริ๊งค์กับเพื่อนๆในคืนวันเสาร์  หรือการเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อใช้เวลาอยู่กับคุณแม่ ถือว่าถึงงานจะยุ่งแต่ก็ไม่ได้รัดตัวจนถึงขนาดไม่สามารถทำอะไรอย่างอื่นได้ค่อนข้างพอใจในระดับหนึ่งเลยค่ะ”

 

ในมุมไลฟ์สไตล์เราจะเห็นเลยว่าคนเก่งอย่างคุณวุ้น ถึงแม้จะงานยุ่งแค่ไหน แต่ยังแบ่งเวลาให้กับครอบครัวและจัดการการใช้ชีวิตให้มีความสุข พออ่านมาถึงตรงนี้ เชื่อว่าเพื่อนๆ ได้ทำความรู้จักคุณวุ้นในเบื้องต้นกันแล้วทีนี้ทุกคนอยากรู้กันมั้ยคะ ว่าเคล็ดลับการบาลานซ์ชีวิตการทำงาน สุขภาพ การเงิน ที่ส่งเสริมให้คุณวุ้นประสบความสำเร็จ และแรงบันดาลใจที่ทำให้กลายเป็นผู้หญิงที่เก่งแบบตอนนี้เป็นอย่างไร ถ้าอยากรู้ มาคุยกับเธอต่อกันเลยค่ะ

 

เคล็ดลับการบาลานซ์ชีวิตการทำงาน สุขภาพ การเงิน ที่ส่งเสริมให้ประสบความสำเร็จ

ในการบาลานซ์ชีวิตคุณวุ้นมองว่าในทุกวันนี้การบาลานซ์ชีวิตของเธอยังไม่ work-life balance ที่ลงตัวเหมือนกับเพื่อนๆ พนักงานเงินเดือนอีกหลายคนที่น่าจะเป็นเหมือนกับเธอ แต่ในขณะเดียวกันเธอจะพยายามหาเวลาทำให้สิ่งที่ชอบหลังการทำงานในแต่ละวัน แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันไม่ง่ายเลยโดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับเรื่องความสำเร็จที่เป็นประเด็นหนึ่งของผู้หญิงยุคนี้คือ นอกจากที่เราจะพยายามพัฒนาตัวเองให้เก่ง (และแกร่ง) รอบด้านขึ้น ดูแลตัวเองได้ดีขึ้น และพึ่งพาตัวเองได้มากขึ้นแล้ว ผู้หญิงอย่างเรา ๆ ก็ยังมีความกดดันในตัวเองสูงขึ้นด้วย พวกเราอยากจะทำให้ทุกอย่างออกมาดี เพอร์เฟ็คที่สุด ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ความเครียดความกังวลเลยตามมาด้วย ตัวคุณวุ้นเองก็ได้บอกว่าเธอเองยังพบกับปัญหาเหล่านี้ หลายครั้งเธอก็ยังมีความกังวลว่าเรายังทำอะไรต่าง ๆ ได้ไม่ดีพอ และมองว่าตัวเองยังไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

เมื่อเปิดประเด็นถึงเรื่องความเครียดแล้วนั้น คุณวุ้นได้เล่าเสริมโดยจากการวิจัยของทาง Mintel ในหัวข้อทัศนคติต่อสุขภาพจิต เราพบว่าผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาเกี่ยวกับสภาพจิตใจและอารมณ์สูงกว่าผู้ชาย โดยรวมแล้ว ผู้หญิงประสบปัญหาความเครียด การเบิร์นเอาท์จากการทำงาน การนอนไม่หลับมากกว่าผู้ชาย และกลุ่มคนที่มีปัญหาสุขภาพจิตมากที่สุดก็คือผู้หญิงในช่วงอายุ 18-34 ปีนั่นเอง มาถึงตรงนี้เชื่อว่าหลายๆคนคงพบปัญหาเดียวกับกับงานวิจัยที่เธอได้กล่าวถึง คุณวุ้นจึงขออนุญาตใช้พื้นที่นี้ในการเรียกร้องให้เพื่อน ๆ ทุกคนทั้งหญิงและชายออกมาใส่ใจในการจัดการสุขภาพจิตและอารมณ์ของตัวเองมากขึ้น เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก และไม่ได้ส่งผลเฉพาะกับตนเองแต่ยังเป็นการแผ่รังสีความเครียดไปสู่คนรอบข้างอีกด้วย

 

มาถึงตรงนี้เพื่อนๆ น่าจะเริ่มได้เช็กความเครียดของตัวเองเบื้องต้นแล้วใช่มั้ยคะ คุณวุ้นยังแชร์เคล็ดลับให้กับเพื่อน ๆ ที่ชอบตั้งสแตนดาร์ดให้กับทุกอย่างสูงลองทำดู นั่นก็คือ “เวลามีใครชมเราว่าเราทำงานนั้นได้ดี หรือจะเป็นเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับงานก็ได้ ให้เราหยุดสงสัยคำชมเหล่านั้นว่าเค้าพูดตามมารยาทหรือพูดจริง แต่จงรู้สึกขอบคุณและน้อมรับคำชมเหล่านั้นด้วยความเต็มใจ รู้จักเอ็นจอยกับคำชมบ้าง อย่าเอาแต่ปฏิเสธ” คุณวุ้นกล่าว

 

ได้คุยกับคุณวุ้นที่อยู่ในวงการวิจัยการตลาดอย่างนี้ไม่ถามเทรนด์ในการทำแบรนด์ก็คงไม่ได้ ว่าแต่เทรนด์ในการทำแบรนด์และการทำการตลาดแบบไหนนั้นที่กำลังมาในปีนี้

 

เทรนด์ในการทำแบรนด์และการตลาดที่กำลังจะมาภายในปี 2022

 สำหรับเทรนด์ที่กำลังมาแน่ในปี 2022 นี้คุณวุ้นได้กล่าวถึง 3 เทรนด์ใหม่ ที่เชื่อว่าต้องผ่านตาเพื่อนๆ มาบ้างแล้วไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาของการตลาด NFT หรือสินทรัพย์ กระแสของเมตาเวิร์ส การใช้เทคโนโลยีเสมือนจริงผสานกับโลกแห่งความเป็นจริง และการตระหนักถึเรื่องความยั่งยืน (sustainability) ซึ่งแต่ละประเด็นที่เธอยกตัวอย่างมาให้ทราบก็น่าสนใจไม่น้อยเลย

 

สิ่งที่มาแรงทั่วโลกซักพักนึงแล้วแต่ก็อาจจะยังใหม่อยู่สำหรับคนไทยหลาย ๆ คน โดยเฉพาะคนที่อายุมาก ก็คือเรื่องของการตลาด NFT หรือสินทรัพย์ดิจิตอล ในช่วงก่อนเราจะเห็นแบรนด์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์สินค้าหรูหรา หรือแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภค แบรนด์ไทยหรือแบรนด์เทศ ต่างก็พยายามที่จะเข้าไปในพื้นที่ NFT เพื่อสร้างภาพลักษณ์ความเป็นแบรนด์ที่ทันสมัยไม่ตกเทรนด์ ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์ของไทยอย่าง จิม ทอมป์สัน ที่ได้เปิดตัว NFT ตัวแรก โดยนำยอดขายส่วนหนึ่งไปใช้ในการสมทบทุนมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่บริษัท/หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับศาสนาก็ยังเข้ามาในพื้นที่ NFT นี้ ยกตัวอย่างเช่น WWIN Group ที่ได้เปิดตัวตลาดออนไลน์สำหรับขายพระเครื่องของไทยในรูปแบบดิจิตอล ซึ่งพวกเขาได้ทำงานร่วมกับบุคคลสำคัญทางศาสนาและพระหลากหลายรูป เพื่อช่วยในการออกแบบและปลุกเสกพระเครื่องดิจิตอลแต่ละชิ้น พอเข้าสู่ปี 2022 คนไทยโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่มีความเข้าใจและความนิยมในเรื่อง NFT มากขึ้น และให้ “คุณค่า” (รวมถึง “มูลค่า”) แก่งาน NFT มากขึ้น จึงยิ่งทำให้แบรนด์หันมาทำการตลาดด้านนี้เพิ่มขึ้นไปด้วย ในปีนี้และต่อ ๆ ไป เราจะเห็นแบรนด์ออกมาทำการตลาด NFT มากขึ้น และให้สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่ถือ NFT ของแบรนด์ตนมากขึ้นด้วย ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์เสื้อผ้าอเมริกัน Gap ที่ได้ทำ NFT คอลเลคชั่นเสื้อฮู้ดออกมา ซึ่งผู้ที่ซื้องาน NFT เหล่านั้นก็มีโอกาสที่จะได้รับเสื้อฮู้ดจริงที่ออกแบบมาอย่างเอ็กซ์คลูซีฟ ตามที่ปรากฏในชิ้นงาน NFT นั้น ๆ ซึ่งความเอ็กซ์คลูซีฟนี้เองที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษและผูกพันกับแบรนด์มากขึ้น

 

อีกกระแสหนึ่งที่คาบเกี่ยวกับความเป็นดิจิตอลก็คือกระแสของเมตาเวิร์ส (Metaverse) ที่คนยุคใหม่อินเป็นพิเศษ ก่อนหน้านี้เราคุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยีเสมือนจริงผสานกับโลกแห่งความเป็นจริง (AR – Augmented Reality) และเทคโนโลยีโลกเสมือน (VR – Virtual Reality) ซึ่งเราได้เห็นแบรนด์ต่าง ๆ หันมาใช้กันเยอะเพื่อเติมเต็มประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ ยกตัวอย่างเช่น แอปของแบรนด์ L’Oréal ที่สาว ๆ สามารถซื้อเครื่องสำอางออนไลน์ได้ ก็นำ AR เทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้นักช้อปได้เล่นสนุกกับการลองเครื่องสำอางสีสันต่าง ๆ หรือเลือกสีรองพื้นที่เหมาะสมกับโทนสีผิวของตนมากขึ้นผ่านแอปในมือถือ หรือการที่สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอย่างมหาวิหาร Notre Dame ที่ปารีสได้นำ VR เทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้คนมีโอกาสได้ท่องเที่ยวเสมือนไปยังมหาวิหาร ในช่วงที่สถานที่กำลังอยู่ในระหว่างการบูรณะ สิ่งเหล่านี้เป็นการปูพื้นฐานให้คนทั้งโลกรวมถึงคนไทยเข้าสู่โลกเมตาเวิร์ส ซึ่งจะมอบประสบการณ์แห่งโลกเสมือนที่เหนือกว่า สมจริงกว่าที่เคยเป็นมา ซึ่งถึงแม้ว่าปีนี้ภาพของแบรนด์ที่เข้าสู่เมตาเวิร์สอาจจะยังไม่ชัดเจนหรือเป็นที่เข้าใจนักในสายตาของคนไทย แต่อีกไม่นานจะเป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยที่แบรนด์อาจจะใช้เมตาเวิร์สเพื่อตอบโจทย์หลากหลายจุดประสงค์ ไม่จำเป็นต้องเน้นการขาย ยกตัวอย่างเช่น การที่แบรนด์ยาสีฟัน Closeup ที่สหราชอาณาจักรที่ได้ทำแคมเปญ Closeup City Hall of Love ที่จัดให้คู่รักที่มีอุปสรรคที่จะแต่งงานกันในชีวิตจริง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางเชื้อชาติ ศาสนา เพศ ฯลฯ ได้มีโอกาสแต่งงานกันในเมตาเวิร์ส และรับทะเบียนสมรสในรูปแบบของ NFT เป็นต้น จะเห็นได้ว่าแคมเปญนี้อาจไม่ได้เน้นการขายสินค้าเป็นหลัก แต่เป็นการที่แบรนด์แสดงการยืนหยัดต่อความเท่าเทียมกัน โดยนำการตลาดเมตาเวิร์สเข้ามาชูเป็นจุดเด่น

 

อีกเทรนด์สำคัญที่เห็นจะเป็นไม่ได้หากไม่กล่าวถึงคือเรื่องความยั่งยืน (sustainability) ตอนนี้เราพบว่าในประเทศไทย คนกลุ่มเจนซีและมิลเลนเนียลโดยเฉพาะผู้หญิง ให้ความสำคัญกับความยั่งยื่นเพิ่มมากขึ้น กว่าหนึ่งในสาม (35%) ของผู้หญิงไทยที่อายุ 18-44 ปีซื้อสินค้าที่บนฉลากมีคำกล่าวอ้างว่ามีความยั่งยืนเป็นประจำ และ 34% ของผู้หญิงกลุ่มมิลเลนเนียล (อายุ 25-34 ปี) ก็ใช้บริการร้านค้าที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์แบบรีฟิลอย่างสม่ำเสมอ พฤติกรรมเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงโอกาสที่นักการตลาดสามารถใช้คำกล่าวอ้างเรื่องความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในสินค้าและการบริการของตนเพื่อจับกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงรุ่นใหม่ หรือใช้การตลาดอินฟลูเอนเซอร์เพื่อโปรโมทและเป็นกระบอกเสียงให้คนไทยมีไลฟ์สไตล์ที่ยั่งยืนมากขึ้นได้ เพราะตอนนี้มันจำเป็นมากที่ทุกคนจะต้องหันมารักษ์โลกให้มากขึ้น

 

แล้วในปัจจุบันการทำการตลาดแบบเดิมๆ อาจจะไม่สามารถทำให้แบรนด์เข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภคได้ ผู้ประกอบการควรทำอย่างไรให้ผู้บริโภคพอใจในแบรนด์อย่างยั่งยืน และคิดว่าข้อไหนสำคัญมากที่สุด วันนี้เราก็มีคำตอบจากคุณวุ้นมาให้เพื่อนๆ เช่นกัน

 

ทำอย่างไรให้ผู้บริโภคพอใจในแบรนด์อย่างยั่งยืน?

คุณวุ้นให้ความเห็นว่าคงเป็นการยากที่จะสรุปว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดที่จะมัดใจลูกค้ากับแบรนด์ในระยะยาว เพราะมีหลายสิ่งที่แบรนด์ควรทำประกอบกันเพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้แบรนด์ของลูกค้าเป็นไปอย่างราบรื่นและยั่งยืน

การบริการที่เอาใจใส่ของร้านค้าเป็นสิ่งที่คนไทยให้ความสำคัญที่สุดในการตัดสินใจว่าจะเลือกซื้อสินค้าจากร้านใดร้านหนึ่ง อย่างไรก็ตาม จากการวิจัยในหัวข้อทัศนคติในการซื้อของอุปโภคบริโภคของคนไทย เราได้พบว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปในช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด-19 โดยคนไทยได้หันมาให้ความสำคัญในผลิตภัณฑ์และบริการที่มีราคาจับต้องได้ คุณภาพที่เหมาะสมกับราคา และสินค้าด้านสุขภาพมากขึ้น ซึ่งตรงนี้ชี้ให้เห็นว่านักการตลาดจำเป็นที่จะต้องเน้นย้ำสิ่งพื้นฐานสามประการนี้ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าตนได้ซื้อสินค้าที่คุ้มราคาอย่างแท้จริง มีคุณภาพที่น่าพึงพอใจ และมีคุณสมบัติในการช่วยทำให้สุขภาพกาย จิตใจ หรืออารมณ์ดีขึ้น ด้วยเหตุนี้ การใช้ประโยชน์จากออนไลน์รีวิวในโซเชียลมีเดีย อย่างกรุ๊ปในเฟซบุ๊ค จึงเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เพราะผู้บริโภคหญิง (40%) มีแนวโน้มที่จะหันมาหาข้อมูลและอ่านรีวิวก่อนตัดสินใจซื้อสินค้ามากขึ้นกว่าผู้ชาย (35%) พูดง่าย ๆ ก็คือคนไทยแสวงหาความเชื่อมั่นและคำแนะนำจากผู้บริโภคคนอื่น ๆ ที่เคยมีประสบการณ์การใช้งานสินค้าที่ตนสนใจมากกว่าเดิม

แต่ถึงกระนั้น สิ่งที่เอ่ยไปข้างต้นก็เป็นเพียงพื้นฐานที่ทุกแบรนด์พึงกระทำ ยังมีสิ่งอื่นที่แบรนด์สามารถสร้างความประทับใจให้ลูกค้ายิ่งขึ้นไปอีก การทำการตลาดเฉพาะบุคคล (personalisation marketing) เป็นสิ่งที่นักการตลาดสามารถใช้สร้างความแตกต่างให้แบรนด์ของตนได้อย่างมากในยุคนี้ เนื่องจากผู้บริโภคต้องการความรู้สึกพิเศษ การได้รับความสำคัญ และความใส่ใจจากแบรนด์มากขึ้น นี่เป็นสิ่งที่จะชนะใจคนวัยทำงาน โดยเฉพาะคนกลุ่มมิลเลนเนียล (อายุ 25-34 ปี) ได้เป็นพิเศษ เนื่องจากคนกลุ่มนี้มีความยินดีมากที่สุดที่จะแลกข้อมูลส่วนตัวของตนกับสินค้าหรือการบริการที่ตรงใจตนมากกขึ้น

การทำการตลาดที่คุณได้เล่ามาข้างต้นหลายคนอาจจะยังไม่เห็นภาพ เราเลยอยากให้คุณวุ้นช่วยเล่า Case study ที่แสดงให้เห็นถึงการนำเอา Insight มาใช้ในการสื่อสารแบรนด์ คิดว่ามีเคสไหนน่าสนใจและคิดว่าสามารถนำเอาไปเป็นไอเดียได้บ้าง

 

Case Study ไอเดียสุดเจ๋ง

“วุ้นเชื่อว่าแบรนด์สินค้าและบริการหลาย ๆ อย่างที่อยู่ในท้องตลาดตอนนี้มาจากการที่นักการตลาดนำ insight ที่ได้จากการทำวิจัยการตลาดหรือข้อมูลหลังบ้านไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดอยู่แล้ว เพราะก่อนที่แบรนด์จะลงทุนมหาศาลในการผลิตสินค้า ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ทำโฆษณา ฯลฯ มันเป็นสิ่งสำคัญมากที่แบรนด์จะต้องเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคเสียก่อน เช่น ทุกวันนี้ผู้บริโภคประสบปัญหาอะไร พึงพอใจหรือไม่ชอบใจอะไร และคิดว่าอะไรจะมาตอบโจทย์ความต้องการของตนในอนาคต”

ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์เสื้อผ้าออนไลน์สำหรับผู้ชายโดยเฉพาะของออสเตรเลีย Step One ได้เปิดตัวชุดชั้นในสำหรับผู้หญิง หลังจากที่พบว่าลูกค้าที่ซื้อกางเกงบ็อกเซอร์ชายของแบรนด์ตนกว่า 40% เป็นผู้หญิง

Kashar สตาร์ทอัพร้านค้าออนไลน์ในประเทศรวันดา เปิดโอกาสให้ลูกค้าผู้หญิงในพื้นที่รอบนอกสามารถสั่งซื้อของใช้ส่วนตัว เช่น ยาคุมกำเนิด ผลิตภัณฑ์สำหรับประจำเดือน ด้วยความเป็นส่วนตัวมากขึ้น หลังจากที่พบว่าผู้หญิงรู้สึกไม่สบายใจที่ได้รับสินค้าบางอย่างที่ตนสั่งอย่างเปิดเผยเกินไป ซึ่งหลังจากที่แบรนด์ Kashar ได้ทราบ insight ข้อนี้ จึงได้ทำการจัดส่งสินค้าในลักษณะที่เป็นความลับ ใช้บรรจุภัณฑ์ที่ให้ความเป็นส่วนตัว มีความยืดหยุ่นในการระบุสถานที่และเวลารับของได้ ทำให้ลูกค้าผู้หญิงรู้สึกปลอดภัยจากสายตาของคนที่อยากรู้อยากเห็นในโลกยุคที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (data-driven) แบบนี้ เป็นสิ่งสำคัญมากที่แบรนด์จะเก็บข้อมูลผู้บริโภคและทำความเข้าใจความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เพราะข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ บางอย่าง อาจเป็น insight สำคัญที่เปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้แบรนด์ได้

จากเคส Case study ที่คุณวุ้นเล่ามาน่าสนใจไม่น้อยเลยใช่มั้ยคะ เราจะเห็นว่าการรู้ Insight หรือนำ Data เข้ามาใช้ในการทำการตลาด ช่วยทำให้เกิดไอเดียใหม่ๆ ที่เดิมที่เราอาจจะเห็นพฤติกรรมบางอย่างแต่ไม่ได้ถูกนำมาใช้ต่อยอดเท่าที่ควร

นอกจากกลยุทธ์และ Case study ที่ยกมาให้ดูแล้วนั้น ตามหลักการตลาดอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญไม่น้อยกว่า ราคา ผลิตภัณฑ์ หรือโปรโมชั่นนั้นคือแพลตฟอร์มหรือช่องทางการกระจ่ายสินค้านั้นเอง เพื่อนๆ อยากรู้มั้ยว่า แพลตฟอร์มแบบไหนเหมาะสมและสามารถเข้าถึงผู้หญิงกลุ่มเป้าหมาย Gen Z ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีอิทธิพลในการตัดสินใจซื้อ งานนี้คุณวุ้นก็มีคำตอบให้เราเช่นกัน

แพลตฟอร์มแจ้งเกิดกับผู้หญิงกลุ่มเป้าหมาย Gen Z

หากแบรนด์ต้องการเจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ แน่นอนว่าโซเชียลมีเดียเป็นช่องทางที่จะพลาดไม่ได้ และถ้าพูดถึงคนกลุ่มเจนซีเป็นหลักแล้ว จากการวิจัยในหัวข้อการตลาดดิจิทัลของ Mintel พบว่า คนในวัยนี้ (หรือกลุ่มคนที่มีอายุอยู่ในช่วง18-24ปี) เป็นกลุ่มผู้ใช้งานโลกออนไลน์ที่คล่องแคล่วที่สุด และใช้หลากหลายแพลตฟอร์มกว่าคนรุ่นอื่น ๆ คนกลุ่มนี้ถูกดึงดูดด้วยคอนเทนต์แบบวิดิโอสตรีมมิ่ง และการอัพเดทข่าวสารแบบทันสถานการณ์ (real-time) นอกจากนี้ยังเป็นกลุ่มคนที่ไม่ค่อยสนใจโฆษณาเท่าใดนัก มีความอดทนต่ำในการรับชมโฆษณา และชอบกดข้ามโฆษณาบ่อย ๆ เพราะฉะนั้น นักการตลาดควรเน้นที่การใช้ภาพ ข้อความสั้นสะดุดตา ที่ทำให้คนกลุ่มเจนซีมองปราดเดียวก็เข้าใจไอเดียของสินค้า

 

ถ้าเทียบกับกลุ่มวัยอื่นแล้ว คนกลุ่มเจนซีจะใช้งานยูทูป อินสตาแกรม ติ๊กต๊อก และทวิตเตอร์บ่อยกว่า ยกตัวอย่างเช่น 81% ของคนกลุ่มเจนซีใช้ยูทูปมากกว่าหนึ่งครั้งต่อวัน ในขณะที่ 74% ของคนวัยมิลเลนเนียล (อายุ 25-34 ปี) จะเข้ายูทูปมากกว่าหนึ่งครั้งต่อวัน

 

นอกจากนี้เรายังเห็นว่าอีกว่า คนกลุ่มเจนซีชอบที่จะเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ และชอบดูเกมสตรีมมิ่ง ซึ่งทำให้แบรนด์สามารถสานต่อการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดอื่น ๆ ได้ ยกตัวอย่างเช่น การสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่กลุ่มเจนซีชื่นชอบหรือเลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่มีอิทธิพลต่อพวกเขาตอนนี้มีหลากหลายฟีเจอร์ที่โซเชียลมีเดียพัฒนาขึ้นมาสำหรับการขายของที่ทั้งสะดวกและสนุกอย่าง Instagram Shops หรือการลิงค์ร้านขายของออนไลน์กับวิดิโอในติ๊กต๊อก สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างความรับรู้ต่อแบรนด์ สร้างคอมมิวนิตี้ในโลกออนไลน์ให้คนเจนซี และเรียกเม็ดเงินจากคนกลุ่มนี้ได้ด้วย

 

อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ คนวัยเจนซีเล่นเกมเยอะกว่าคนกลุ่มอื่น ตอนนี้ผู้หญิงยุคใหม่ก็หันมาเล่นเกมออนไลน์และติดตามเกมสตรีมเมอร์มากขึ้น ดังที่เราได้พบว่ากว่า 60% ของผู้หญิงอายุ 18-24 ปีเล่นเกมออนไลน์บ่อยขึ้น เพราะฉะนั้นตอนนี้แบรนด์มีโอกาสมากขึ้นในการร่วมมือกับแพลตฟอร์มของนักเล่นเกมในการที่จะโปรโมทสินค้าที่เจาะกลุ่มผู้หญิงเจนซี

 

เพื่อนๆที่อ่านมาถึงตรงนี้น่าจะได้ไอเดียและความรู้ใหม่ๆ เพียบเลยใช่มั้ยคะ และที่สำคัญเชื่อว่าทุกคนน่าจะรู้จักคุณวุ้นและ Mintel เพิ่มมากขึ้น เราเลยอยากให้คุณวุ้นฝากช่องทางติดตามเพิ่มเติม และฝากอะไรถึงผู้อยากพัฒนาและทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จบ้าง

 

 “ถ้าอยากรู้จัก Mintel มากขึ้น สามารถเข้าไปได้ที่ Mintel.com เพื่อที่จะเข้าใจมากขึ้นว่าพวกเราทำอะไร หรือเข้าไปที่บล็อกในส่วน Thai Consumer เพื่ออัพเดทเทรนด์ต่าง ๆ ที่น่าสนใจ หรืออ่านงานวิจัยเกี่ยวกับผู้บริโภคไทยค่ะ ส่วนใครที่สนใจอยากพูดคุยหรือทำความรู้จักกับวุ้นเพิ่มเติม สามารถติดตาม Linkedin ของวุ้นจากแอคเคาท์ Pongsanguan Jiradechakul ได้ค่ะ ”

 

และก่อนลากันไปอยากให้คุณฝากอะไรถึงผู้อยากพัฒนาและทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จ

 “สองสิ่งสุดท้ายที่อยากจะฝากถึงแบรนด์ต่าง ๆ ที่อยากประสบความสำเร็จ อย่างแรกคือแบรนด์ต้องอย่าลืมที่จะทำความเข้าใจลูกค้าให้มากขึ้น เพราะเดี๋ยวนี้ลูกค้ามีความต้องการในหลากหลายมิติ สินค้าหรือการบริการที่ไร้ลูกเล่นหรือไร้จุดเด่นจะไม่สามารถอยู่รอดอีกต่อไป ซึ่งในส่วนนี้การทำวิจัยการตลาดหรือการเก็บข้อมูลหลังบ้านจึงมีความสำคัญมาก อีกสิ่งหนึ่งคือการนำข้อมูลหรืออินไซต์ที่ได้มาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการนำไปทำเป็นแคมเปญโฆษณาหรือการตลาดอื่น ๆ การออกสินค้าใหม่ ฯลฯ และอย่าลืม track ด้วยนะคะว่าทำออกมาแล้วเวิร์คหรือไม่ อย่างไร เพื่อที่จะได้พัฒนาแบรนด์ของเราต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ :)”

ในวันนี้นอกจากเพื่อนๆ จะได้รับความรู้เคล็ดลับการทำการตลาดและการทำแบรนด์ให้ปังแล้วนั้น เชื่อว่าหลายคนคงจะชื่นชมผู้หญิงเก่งอย่างคุณวุ้น และเชื่อว่าคุณวุ้นได้สร้างแรงบันดาลใจให้หลายๆ คนได้มีความมั่นใจในการทำการตลาดและการทำแบรนด์ในปัจจุบันมากขึ้น งานนี้ Jeab.com ต้องขอบคุณ คุณวุ้นที่สละเวลามาแชร์แรงบันดาลใจและมอบเคล็ดลับดีๆ ให้กับแฟนๆ Jeab.com ด้วยนะคะ

 

 

ติดตาม Jeab.com
Jeab.com มี LINE แล้วนะ
ติดตามเรื่องราวไลฟ์สไตล์ทันสมัยสำหรับผู้หญิงยุคดิจิตอล ได้ทุกวันผ่าน LINE ID @jeabdotcom

Jeab

Jeab.com ตอบโจทย์ “ผู้หญิงรุ่นใหม่” ด้วยไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงในยุคดิจิตอล

No Comments Yet

Leave a Reply

Your email address will not be published.

You may use these HTML tags and attributes: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <s> <strike> <strong>


This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.