สำหรับ “การดูแลเส้นผม” ทุกคนทราบดีอยู่แล้วล่ะว่า ถ้าต้องการให้ผมสลวย ไม่ยุ่งเยิง ไม่พันกัน เราต้องใช้ “หวี” ในการแปรงผมให้กลับมาอยู่ในสภาพที่ดี แต่สงสัยมั้ยว่า ทำไมยิ่งหวีผม ผมยิ่งร่วง บ้างก็ทำให้ผมขาด นั่นอาจเป็นเพราะว่าเรากำลังมองข้าม “ประเภทของหวี” กันอยู่หรือเปล่า หลายคนมักคิดว่า “หวี” แต่ละแบบ ก็ใช้งานเหมือนๆ กัน ซึ่งที่จริงแล้ว หวีแต่ละประเภท เหมาะกับเส้นผมคนละแบบกันนะคะ และยังใช้งานแตกต่างกันด้วยนะคะ ดังนั้นจะเลือกใช้ทั้งที ต้องใช้ให้ถูกวิธีกันด้วย ว่าแล้ววันนี้เลยขอขนคู่มือ HAIRBRUSH 101 สอนใช้หวีให้ถูกวิธี และรู้จักประเภทของหวีกันค่า มาดูกันว่ามี “หวี” ทั้งหมดกี่ประเภท และแต่ละประเภทใช้อย่างไรกันบ้าง
#1. หวีไม้ (Wooden Brush)
เหมาะสำหรับเอาไว้ใช้เป็นหวีเพื่อชโลมครีมบำรุงลงบนเส้นผมต่างๆ
ข้อดี : ช่วยขจัดสิ่งสกปรก ฝุ่น สิ่งตกค้างบนเส้นผมได้ดี
ข้อเสีย : เวลาใช้ต้องบำรุงรักษาเส้นผมอย่างรอบคอบ เพราะอาจทำให้ผมเสียได้
ประเภทผมที่เหมาะจะใช้หวีไม้ : เหมาะกับเส้นผมทุกประเภท แต่จะดีที่สุดสำหรับสาวๆ ที่ผมมันเยิ้ม
#2. หวีซิลิโคน (Silicone Brush)
เหมาะสำหรับใช้ทำผมโป่งๆ และใช้ตอนย้อมผม
ข้อดี : ช่วยขจัดไม่ให้ผมโดนไฟฟ้าสถิตย์ และง่ายต่อการล้างทำความสะอาด
ข้อเสีย : อาจทำให้ผมแตกปลายได้
ประเภทผมที่เหมาะจะใช้หวีซิลิโคน : เหมาะกับผมแห้ง และ ผมแห้งเสีย
#3. หวีพลาสติก (Plastic Brush)
เหมาะสำหรับใช้ทำผมโป่งๆ และใช้ตอนย้อมผม
ข้อดี : ทำความสะอาดได้ง่าย ราคาไม่แพง
ข้อเสีย : อาจทำให้เส้นผมเกิดไฟฟ้าสถิตย์, ดึงดูดฝุ่น, ทำให้ผมแตกปลาย, ระยะเวลาการใช้งาน ใช้ได้ไม่นาน
ประเภทผมที่เหมาะจะใช้หวีพลาสติก : ไม่แนะนำให้ใช้ต่อเนื่องกับเส้นผมทุกสภาพ
#4. หวีแปรงที่่ขนแปรงทำจากขนธรรมชาติ (Brushes with natural bristles)
เหมาะสำหรับใช้ดูแลเส้นผมประจำทุกวัน
ข้อดี : เหมาะกับคนที่มีหนังศีรษะบอบบางและช่วยเพิ่มความเงางามให้เส้นผม
ข้อเสีย : ไม่เหมาะสำหรับการสางผมที่เป็นผม, ไม่เหมาะกับคนผมมัน ผมหนา และผมหยักศก
ประเภทผมที่เหมาะจะใช้หวีแปรงขนธรรมชาติ : ผมปกติ, ผมเปราะแตกง่าย และ ผมตรง
#5. หวีแปรงที่่ขนแปรงทำจากขนสังเคราะห์ (Brushes with synthetic bristles)
เหมาะสำหรับใช้ดูแลเส้นผมประจำทุกวัน
ข้อดี : สามารถใช้หวีและนวดหนังศีรษะได้พร้อมกัน
ข้อเสีย : อาจทำให้เส้นผมเกิดไฟฟ้าสถิตย์ได้
ประเภทผมที่เหมาะจะใช้หวีแปรงขนสงเคราะห์ : ทุกเส้นผม โดยเฉพาะเส้นผมของเด็ก
#6. หวีแปรงที่ขนแปรงเป็นแบบห่วง (Looper Brush)
เหมาะสำหรับใช้ดูเส้นผมที่เปราะขาดง่าย และ ผมของคนที่ใส่วิกผม หรือ ต่อผม
ข้อดี : สามารถสางผมได้โดยไม่ขาดและไม่ทำร้ายหนังศีรษะ
ข้อเสีย : ไม่เหมาะกับผมหนา
ประเภทผมที่เหมาะจะใช้หวีแปรงขนแบบห่วง : เหมาะกับผมเสีย ผมเปราะขาดง่ายและผมของเด็ก
#7. หวีแปรงกระดูกปลา (Fish bone brush)
เหมาะสำหรับการใช้คู่กับไดร์เป่าผม
ข้อดี : ปกป้องหนังศีรษะจากความร้อนของไดร์, ช่วยไม่ให้ผมพันกัน และ ช่วยทำให้เส้นผมมีวอลลุ่ม
ข้อเสีย : ไม่เหมาะกับคนผมหยิก, ผม
ประเภทผมที่เหมาะกับการใช้หวีแปรงกระดูกปลา : เหมาะกับผมเปียกหรือผมชื้น และ ผมตรง
#8. หวีแปรงกลม (Round brush)
เหมาะสำหรับใช้ในการจัดแต่งทรงผม
ข้อดี : ทำให้ผมดูหนามีวอลลุ่ม
ข้อเสีย : ไม่เหมาะกับการนำมาใช้สางผม
ประเภทผมที่เหมาะกับการใช้หวีแปรงกลม : เหมาะกับผมทุกประเภท และ ผมยาว
#9. หวีแปรงกึ่งกลม (Semi-Round brush)
เหมาะสำหรับใช้ในการจัดแต่งทรงผม และ เพิ่มวอลลุ่มให้ผม
ข้อดี : ใช้ได้ทั้งผมตรง ผมดัดลอน และผมหน้าม้า
ข้อเสีย : ไม่เหมาะกับผมยาว
ประเภทผมที่เหมาะกับการใช้หวีแปรงกึ่งกลม : ผมสั้นทุกประเภท
#10. แปรงม้วนผมไฟฟ้า (Hair dryer brush)
เหมาะสำหรับผมแห้ง และ จัดแต่งทรงผม
ข้อดี : ช่วยทำให้ผมแห้งเร็ว, สร้างลอนผม ทำให้ผมมีวอลลุ่ม, กะทัดรัดมากขึ้นเมื่อเทียบกับไดร์เป่าผม
ข้อเสีย : อาจทำให้ผมเปราะขาด
ประเภทผมที่เหมาะกับแปรงม้วนผมไฟฟ้า : ผมมันและผมปกติทุกประเภท
#11. แปรงหวีผมตรงไฟฟ้า (Straightener brush)
เหมาะสำหรับใช้หวีให้เส้นผมตรง
ข้อดี : ดูแลเส้นผมได้ดีกว่าการใช้เครื่องหนีบผม และ ทำให้ผมเงางามและมีวอลลุ่ม
ข้อเสีย : ไม่สามารถทำผมลอนได้, เหมาะกับผมยาวเท่านั้น และอาจทำให้ผมแห้ง
ประเภทผมที่เหมาะกับแปรงหวีผมตรงไฟฟ้า : ผมปกติ, ผมมัน และผมที่มีหยักศก
#12. หวีปลายแหลม (Tail comb)
เหมาะสำหรับใช้แบ่งผมและจัดแต่งทรงผม
ข้อดี : ใช้แบ่งผมได้ดีและสามารถทำผมโป่งได้ รวมทั้งสามารถใช้แบ่งผมตอนที่กำลังบำรุงผมอยู่ได้
ข้อเสีย : ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับวัสดุของแปรงว่าทำมาจากอะไร
ประเภทผมที่เหมาะกับหวีปลายแหลม : ผมทุกประเภทและผมยาว
รู้แบบนี้แล้ว เวลาเลือกใช้ “หวี” ก็เลือกให้ถูกประเภทกับความต้องการกันนะคะ ผมของเพื่อนๆ จะได้ออกมาสลวยสวยสมความตั้งใจกัน 🙂
