การเป็นผู้หญิงทำงานยุคใหม่ที่ต้องอยู่กับสภาวะเร่งรีบในสังคมเมือง คงหนีไม่พ้นไทม์ไลน์ชีวิตที่เป็นแบบนี้… เช้าก็ต้องรีบตื่นมาทำงาน ตกเย็นเลิกงานก็ต้องแบ่งเวลาไปทำให้ชีวิตมีสีสัน เป็นการพักผ่อนและสร้างความบันเทิงให้กับตัวเอง บ้างก็ไปออกกำลังกาย คลายเครียดจากการงานที่ทำมาทั้งวัน บ้างก็ไปทำกิจกรรมที่ชอบ เม้าท์มอยกับเพื่อนฝูง ช้อปปิ้งเพลินๆ บ้างก็กลับมาเคลียร์งานต่อให้เสร็จ ห้ามรุ่งห้ามค่ำ สุดท้ายก็ต้องรีบตื่นไปทำงานในเช้าวันถัดไป วนลูปสลับกันไปแบบนี้แทบทุกวัน
แม้จะดูเหมือนจะเป็นไทม์ไลน์ปกติที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยกันไปแล้ว แต่สาวๆ รู้มั้ยว่าใน “ความปกติ” นั้น แท้จริงแล้วมันคือ สถานการณ์ที่ทำให้ “ผิว” ของเราต้องเจ็บ ทำให้เกราะป้องกันของผิวเราถูกทำลายลงได้ง่ายมากๆ เลยล่ะ โดยเฉพาะปัญหาผิวขาดน้ำ ที่มักเกิดขึ้นได้ในทุกๆ สถานการณ์เหล่านี้ และยังเป็นสาเหตุหลักที่นำมาซึ่งสารพัดปัญหาผิวอื่นๆ ตามมาอีกมาก ว่าแต่จะทำให้เกิดปัญหาผิวตามมาได้อย่างไร หลายคนอาจคิดว่าก็ไทม์ไลน์ชีวิตเป็นแบบนี้มาโดยตลอด ก็ไม่เห็นจะทำให้ผิวแย่ลงตรงไหน วันนี้เราจะมาไขความสงสัยให้เพื่อนๆ ได้รู้ พร้อมขนวิธีแก้ไข “การเติมน้ำให้กับผิว” มาฝากให้กับเพื่อนๆ กัน ไล่กันไปตั้งแต่ตื่นนอน ยันล้มตัวนอนกันเลย ว่าแล้วก็อย่าปล่อยให้เสียเวลา มาดูกันได้เลย!
สถานการณ์ที่ 1 : นอนน้อย แต่ต้องตื่นเช้า ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ
เป็นสถานการณ์ที่เพื่อนๆ เป็นกันประจำ ไม่ว่าจะนอนดึกเพราะทำงานหนัก การบ้านเยอะ ดูซีรี่ย์ดึกไปหน่อย หรือมีปาร์ตี้สังสรรค์จนเช้า สารพัดเหตุผลที่ทำให้เกิดการพักผ่อนไม่เพียงพอนี้ จะทำให้ Skin Barrier หรือ กำแพงผิวของเรานั้นทำงานได้ไม่เต็มที่ ซึ่งก็จะส่งผลทำให้ผิวเราอ่อนแอลง น้ำในผิวหายไปได้ง่าย ผิวก็จะแห้งกร้านขึ้น ดังนั้นถ้ารู้ตัวว่านอนดึกแล้วต้องตื่นเช้า พักผ่อนไม่เพียงพอแน่ๆ อย่าปล่อยให้ผิวอ่อนแอลงเด็ดขาด
#วิธีแก้ปัญหาผิวในสถานการณ์นี้ : นำมอยซ์เจอไรเซอร์ที่มีคุณสมบัติเป็น Sleeping Mask มามาส์กผิวข้ามคืนให้ผิวสวยข้ามวันกันไปเลย
สถานการณ์ที่ 2 : ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางแสงแดดและมลภาวะ
แดดและมลภาวะในไทยมีเยอะแค่ไหน เชื่อว่าเพื่อนๆ ทราบกันดีอยู่แล้วล่ะ และลองคิดดูสิว่าในแต่ละวันเราต้องเจอสิ่งเหล่านี้แทบจะตลอดเวลา อากาศร้อนๆ แดดจ้า ก็ต้องเดินออกไปซื้อข้าวกลางวัน เวลาจะเดินทางกลับบ้าน ถ้าใครขึ้นรถเมล์ มอเตอร์ไซด์ก็ต้องเจอทั้งฝุ่นและควันรถ ใครหนีไปขึ้นรถไฟฟ้าก็ยังต้องเจอสภาพแวดล้อมที่แออัด มลภาวะทางอากาศที่ทำร้ายผิว สารพัดเหงื่อของใครอีกหลายๆ คน เป็นสาเหตุที่ทำให้สภาพผิวของเราอ่อนแอ ส่งผลให้ผิวขาดน้ำ แห้งกร้าน ริ้วรอยถามหา และปัญหาผิวอื่นๆ อีกมากมาย
#วิธีแก้ปัญหาผิวในสถานการณ์นี้ : เวลาจะออกไปไหนข้างนอก ต้องอย่าลืมหามอยซ์เจอไรเซอร์ที่มีคุณสมบัติเก็บกักความชุ่มชื้น มาทาบำรุงเติมน้ำให้กับผิวของเราก่อนไป
สถานการ์ณที่ 3 : Working Life นั่งทำงานในห้องแอร์เป็นเวลานานๆ
เป็นสาวออฟฟิศนั้นลำบากโดยแท้ ไม่ออกไปข้างนอกออฟฟิศให้เจอกับแดด มลภาวะ ทำร้ายผิว อยู่ในออฟฟิศก็ยังโดนทำร้ายผิวให้เจ็บได้ เพราะการอยู่ในห้องแอร์นานๆ เฉลี่ยถึง 8 ชั่วโมง เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาผิวขาดน้ำและแห้งกร้าน และพนักงานออฟฟิศส่วนใหญ่นั้น เวลาที่ทำงานไม่เสร็จก็มักจะนั่งทำกันต่อไปเรื่อยๆ ระยะเวลาที่อยู่ในห้องแอร์ก็จะมากขึ้นไปอีก งานนี้ผิวเราก็ยิ่งเสียมากขึ้นไปอีกเท่าตัวกันนั่นเอง
#วิธีแก้ปัญหาผิวในสถานการณ์นี้ : ระหว่างที่นั่งทำงาน หาเวลาว่างสักนิดแล้วมาเติมน้ำให้ผิวด้วยการทามอยซ์เจอไรเซอร์ที่มีคุณสมบัติสามารถทาทับระหว่างวันได้ มาทาบางๆ เพื่อบำรุงผิวและล็อกความชุ่มชื้นให้อยู่กับผิวเรายาวนานขึ้น
สถานการณ์ที่ 4 : บ่ายๆ ก็ง่วง มองหาตัวช่วยอย่าง “กาแฟ หรือ น้ำอัดลม”
เวลาที่ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ เช้ามาอาจจะยังพอไหว แต่ตกบ่ายทีไร ร่างกายเริ่มไม่รู้สึกกระปรี้กระเปร่า หนังท้องตึง หนังตาหย่อน ความสดชื่นหายไป หลายคนจึงเลือกที่จะดื่มกาแฟ หรือ น้ำอัดลม เพราะมีคาเฟอีนเป็นสารประกอบ ช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น แต่รู้มั้ยคะว่า “คาเฟอีน” นี่แหละ เป็นอีกหนึ่งศัตรูตัวฉกาจสำหรับผิว เป็นสาเหตุที่ทำให้ไตของเราทำงานหนัก ทำให้ร่างกายขับปัสสาวะออกมาบ่อย ส่งผลให้ผิวขาดน้ำ และนำมาซึ่งปัญหาผิวอื่นๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้งกร้าน ริ้วรอยถามหา ใบหน้าดูแก่กว่าวัย ฯลฯ และอื่นๆ อีกเป็นขบวน
#วิธีแก้ปัญหาผิวในสถานการณ์นี้ : เพิ่มความสดชื่น ความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าด้วยการใช้มอยซ์เจอร์ไรเซอร์ทาบางๆ ระหว่างวัน ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวรู้สึกเย็นสบาย
สถานการณ์ที่ 5 : ออกกำลังกายคลายเครียด ไปฟิตหุ่นเฟิร์มหลังเลิกงาน
ทำงานมาเหนื่อยๆ ตอนเย็นก็อยากคลายเครียด และหนึ่งในวิธีคลายเครียดของใครหลายๆ คน คือการเผาผลาญพลังงานออกไปกับการออกกำลังกาย แน่นอนว่าการออกกำลังกายนั้นมีข้อดีอยู่มาก ไม่ว่าจะเพื่อสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ หุ่นดี ฟิตแอนด์เฟิร์ม แต่มันก็เหมือนกับเหรียญที่มีสองด้าน เมื่อมีข้อดีย่อมมีข้อเสีย ข้อเสียข้อเดียว คือ การที่ทำให้ร่างกายสูญเสียเหงื่อ เมื่อสูญเสียเหงื่อ = สูญเสียน้ำ “ผิวขาดน้ำ” จึงเป็นปัญหาที่ตามมาสำหรับการออกกำลังกาย ทีนี้ล่ะ หากเราไม่รู้จักเติมน้ำให้ผิวกลับมาชุ่มชื้น ปัญหาผิวอื่นๆ ก็จะตามมา
#วิธีแก้ปัญหาผิวในสถานการณ์นี้ : ระหว่างออกกำลังกาย เราสามารถเติมน้ำให้ผิวแบบง่ายๆ ด้วยการใช้นำมอยซ์เจอไรเซอร์แบบโลชั่นมาเทลงลงบนฝ่ามือ แล้วตบเบาๆ บนใบหน้า ให้ความรู้สึกเหมือนการฉีดสเปรย์น้ำแร่ระหว่างวันนั่นแหละ ได้ทั้งเติมความสดชื่น และ เติมน้ำให้กับผิวกันค่ะ ทาได้บ่อยเท่าที่ต้องการ เนื้อโลชั่นจะช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น และ ดูฉ่ำวาว สุขภาพดี
สถานการณ์ที่ 6 : ไม่ว่าจะไปไหนก็แต่งหน้าจัดเต็มอยู่เสมอ
ก็เพราะการแต่งหน้าช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้หญิงเราได้ดี จึงทำให้ผู้หญิงหลายคน เวลาที่จะต้องออกไปข้างนอก ไปงาน ไปประชุม พบเจอลูกค้า หรือ ไปสังสรรค์ จะต้องมีการแต่งหน้าใหม่ๆ อยู่เสมอ บางคนก็ชอบจัดเต็ม แต่งหนักๆ ให้โดดเด่น แต่รู้มั้ยว่านี่แหละเป็นส่วนทีทำร้ายผิวได้ดีทีเดียว เพราะการแต่งหน้าบ่อยๆ หรือ จัดเต็มอยู่เสมอ ปริมาณการใช้เครื่องสำอางก็ต้องเยอะขึ้น แน่นอนว่าแต่งมาเยอะ ก็ต้องใช้รีมูฟเวอร์และคลีนเซอร์ล้างออกเยอะขึ้นไปตาม ซึ่งทั้งเครื่องสำอาง รีมูฟเวอร์ และคลีนเซอร์ ต่างก็เป็นตัวที่มีส่วนทำให้ผิวแห้ง ไม่เว้นแม้แต่อุณหภูมิของน้ำที่เราใช้ล้างหน้าด้วยเช่นกัน ดังนั้นแต่งหน้าบ่อยและจัดเต็มอยู่เสมอ ย่อมไม่เป็นผลดีกับผิว
#วิธีแก้ปัญหาผิวในสถานการณ์นี้ : ในเมื่อถ้ามีความจำเป็นต้องแต่งหน้า เพราะมันสามารถเพิ่มความมั่นใจให้เราได้ ทำให้การหลีกเหลี่ยงไม่แต่งหน้าเป็นเรื่องยาก เราก็ควรหมั่นเติมน้ำให้ผิวอยู่ตลอดเวลาด้วยการทามอยซ์เจอไรเซอร์ เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ทั้งก่อนแต่งหน้าและหลังแต่งหน้า
สถานการณ์ที่ 7 : TGIF แฮงค์เอ้าท์กับเพื่อนฝูง สนุกสุดเหวี่ยงกับปาร์ตี้ทุกค่ำคืน
อีกหนึ่งวิธีคลายเครียดของใครหลายๆ คน คือการไปแฮงค์เอ้าท์หลังเลิกงานกับเพื่อนๆ แน่นอนว่าในปาร์ตี้นั้นสนุกสนานอยู่แล้วล่ะ แต่ก็ต้องระวังกันไว้ด้วย เพราะนี่แหละคือสถานกาณ์หนึ่งที่ทำร้ายผิวรุนแรง เราจะต้องศัตรูตัวฉกาจสำหรับทำร้ายผิวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางที่ใช้แต่งหน้า สภาพแวดล้อมของสถานที่จัดงาน ควันบุหรี่ และ พระเอกของเราอย่าง “แอลกอฮอลล์” ที่ทุกปาร์ตี้ต้องมีอยู่เป็นไฮไลท์ และแอลกอฮอลล์นี่แหละ จะทำให้ร่างกายขับน้ำออกมากกว่าปกติ ทำให้ผิวสูญเสียน้ำมากขึ้น เกิดเป็นผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้นและอย่างที่หลายคนทราบดี พอวันรุ่งขึ้น ตื่นมาใครเมาหนักก็มักจะแฮงค์ สภาพจะโทรมดูไม่ได้สักเท่าไหร่ด้วยล่ะ หากบำรุงผิวไม่ดี ก็อาจจะทำให้ดูโทรมมากขึ้นไปอีก
#วิธีแก้ปัญหาผิวในสถานการณ์นี้ : บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอด้วยการหามอยซ์เจอไรเซอร์ที่มีคุณสมบัติที่สามารถทาทับได้ระหว่างวัน ทำการทามอยซ์เจอไรเซอร์นี้ทุกเช้า-เย็น และก่อนไปปาร์ตี้ก็ทาซ้ำอีกหน หลังจากกลับมาถึงบ้านก็อย่านำมอยซ์เจอไรเซอร์ที่มีคุณสมบัติสามารถใช้เป็น Sleeping Mask ได้มามาส์กหน้าทิ้งไว้ข้ามคืน แม้วันรุ่งขึ้นอาจตื่นมาแล้วแฮงค์ไปบ้าง แต่รับรองว่าผิวเราไม่แฮงค์แน่นอน
เห็นมั้ยว่าแต่ละสถานการณ์ในไทม์ไลน์ชีวิตเรานั้น มีแต่ทำให้ “ผิวขาดน้ำ” ทั้งนั้นเลย ดังนั้นวิธีแก้ง่ายๆ คือ เราต้องเติมน้ำกลับไปให้ผิวกันค่ะ สำหรับมอยซ์เจอไรเซอร์ในการเติมน้ำให้ผิวนั้น เราขอแนะนำไอเท็มตระกูล Moisture Surge ของ Clinique ที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ เก็บความชุ่มชื้นได้ยาวนานกว่าที่เคย อย่าง Moisture Surge Extended Replenishing Hydrator และ Moisture Surge Hydrating Lotion โดยเฉพาะตัว Extended Replenishing Hydrator ที่เป็นเนื้อครีมเจล สูตรใหม่ นางขึ้นชื่อเรื่องล็อกความชุ่มชื้นให้ผิวอยู่ได้ยาวนานถึง 72 ชั่วโมง หรือ 3 วันเต็มๆ เนื่องจากมีเทคโนโลยี Auto-Replenishing ที่มีเฉพาะผลิตภัณฑ์ Clinique เท่านั้น ทำให้เวลาที่เราทามอยซ์เจอไรเซอร์บำรุงไปที่ผิวแล้วนั้น ความชุ่มชื้นจะยังคงถูกกักเก็บเอาไว้ในผิว และยังถูกปล่อยออกมาได้เองอย่างต่อเนื่องเมื่อผิวส่งสัญญาณว่ารู้สึกขาดน้ำ ทาแล้วรู้สึกสบายผิวสุดๆ
เปิดตัวมาที่เมืองนอกการันตี รีวิวว่าดีกันเยอะมาก พอเราได้ลองใช้เองก็ดีจริง รู้สึกผิวชุ่มชื้นได้นานขึ้นมากๆ นอกจากเรื่องความชุ่มชื้นแล้ว ข้อดีของนางที่เราเลิฟสุดๆ คือ นางสารพัดประโยชน์มากๆ สามารถใช้มอบความชุ่มชื้นได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นทาบำรุงเช้า-เย็น ทาทับระหว่างวัน ใช้ก่อนแต่งหน้าหรือหลังแต่งหน้าก็ทาทับได้ แถมถ้าทาหลังแต่งหน้า เรายังได้ลุคแบบดิวอี้ๆ ฉ่ำๆ วาวๆ ดูเป็นสาวผิวสุขภาพดีอีกด้วยนะ นอกจากนี้ยังนำมาใช้เป็น Sleeping Mask ,บำรุงผม,บำรุงเล็บ, ข้อศอก และบริเวณผิวที่แห้งกร้านได้อีกด้วยล่ะ
แล้วลองคิดดูสิว่า ในสภาวะเร่งรีบที่เราต้องเจอในแต่ละวัน สถานการณ์ต่างๆ เหล่านี้ ถ้าเรามีแค่ Moisture Surge Extended Replenishing Hydrator กระปุกเดียว แต่สามารถนำไปใช้ได้สารพัดประโยชน์ มันจะดีขนาดไหน ไม่ว่าจะเจอสถานการณ์อะไร ผิวของเราก็ยังคงชุ่มชื้นได้ยาวนานถึง 72 ชั่วโมง หรือ 3 วันเต็มๆ หากเมื่อวานเราลืมบำรุงผิว ก็ไม่ต้องกังวลใจ เพราะความชุ่มชื้นที่บำรุงผิวไปนี้ สามารถอยู่ได้นานถึง 72 ชั่วโมง ในวันที่ลืม ผิวก็จะยังคงชุ่มชื้นอยู่ได้ หรือเวลาที่เราล้างหน้าออกไปแล้ว ความชุ่มชื้นก็ไม่ยังลดลงไปด้วย เรียกได้ว่าหากบำรุงผิวด้วย Clinique Moisture Surge Extended Replenishing Hydrator อยู่ทุกวันล่ะก็ ผิวก็จะชุ่มชื้นต่อเนื่องไปเรื่อยๆ สถานการณ์ที่ทำให้ผิวต้องเจ็บต่างๆ แทบไม่ใช่อุปสรรคของผิวเรากันเลยล่ะจ้า
งานนี้ใครไม่อยากเจอสารพัดปัญหาผิวล่ะก็ อย่าได้มองข้ามไอเท็มนี้กันไปนะคะ ยิ่งตอนนี้ที่ EVEANDBOY มี Promotion พิเศษ ซื้อ Moisture Surge 72H 50ml. 1 ชิ้น รับฟรี Take The Day Off Balm 15ml. 1 ชิ้น และถ้าบอกว่ามาจาก jeab จะได้ผลิตภัณฑ์ foundation ขนาดทดลองเพิ่มอีก 1 ชิ้น อย่าลืมรีบไปช้อปกันนะ เดี๋ยวของจะหมดก่อนแล้วจะเสียใจ
#ใช้ดีบอกต่อ เรามาเติมน้ำให้กับผิว บอกลาปัญหาผิวกันเถอะ!
#MoistureSurge #72HRShydration #เติมล็อกปล่อย #CliniqueThailand
Copyright © Jeab.com